> เที่ยวเมือง นครพนม เลาะริมโขง เที่ยววัด และ ตัวเมือง จ. นครพนม พ.ศ. 2548

สวัสดีครับ ช่วงนี้ฝนเริ่มโปรยปรายลงมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผมวางแผนเที่ยวในร่มมากขึ้น การเที่ยวในร่มที่ว่านี้ ก็จะเน้น วัดวาอารามครับ เพราะไม่ต้องไปเดินตากฝนเหมือน การเที่ยวป่าเขา หรือ ทะเล เนื่องจากมีภารกิจ ต้องเดินทางไปแถบๆ ภาคอิสาน ก็เลยถือโอกาส ( จะเรียกว่าฉวยโอกาส ก็ได้ครับ ) เอากล้องติดไปด้วย ไปถ่ายภาพ และแอบเที่ยวนิดๆหน่อย โดยวางแผนที่จะเที่ยวตัวเมือง

ซึ่ง เมืองที่ผมประทับใจจนอดนำมาฝากทุกท่านไม่ได้คือ นครพนม ครับ

นครพนม เมืองเล็กๆ ติดลำน้ำโขง แสนจะสงบเงียบ ผมมาถึงที่นี่ก็เกือบจะเย็นแล้ว จึงไม่รีรอที่จะออกเที่ยวครับ เริ่มจาก ที่สำคัญๆของ จังหวัดก่อน เช่นศาลากลาง จังหวัด หลังเก่า ที่ปัจจุบัน เปลี่ยนแปลงกลายเป็นหอสมุดแห่งชาติ เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ ไปแล้ว ศาลากลาง นี้ จะมีรูปแบบของอาคารฝรั่งเศส ทั้งหลัง ทาด้วยสีเหลือง ซึ่ง สีเหลือง นั้น นิยมเพราะ เขาเชื่อว่า ขึ้นรายาก ศาลากลาง

ตั้งอยู่กลางเมืองเลยครับ

วัดนักบุญ อันนา หนองแสง

จากนั้น ผมก็เริ่มขับรถเลียบเลาะตามชายฝั่งโขงไปเรื่อยๆ เพราะสถานที่ตั้งของสิ่งน่าสนใจๆ ในเมืองนี้มักตั้งอยู่ริมน้ำ แล้วก็มาสะดุดตากับ โบสถ์ คริสต์ขนาดใหญ่ซึ่งไม่พบเห็นได้ง่ายๆใน ต่างจังหวัด ก็ขอลงไปถ่ายภาพซักหน่อย โบสถ์ นี้คือโบสถ์ ของวัดนักบุญ อันนา หนองแสง สร้างประมาณปี ค.ศ. 1926 แต่วันนี้ เย็นสักหน่อย โบสถ์ จึงปิดแล้ว แต่ก็ไม่ได้ทำให้ ความน่าสนใจลดลงแม้แต่น้อย จากนั้น ผมก็ไปขับรถต่อไปเรื่อยๆ และเริ่มรู้สึกว่า ที่นี่ มีความลงตัวของ การผสมผสาน วัฒนธรรม ต่างๆ มาก

สังเกตุจาก สถาปัตยกรรม และบ้านเรือน ของชาวบ้าน มีเสน่ห์มากจริงๆ ครับ แม้แต่ อาคารสำนักงาน ของ ททท. ยังทำได้สวยงามน่ารักเลยครับ

อาคาร ททท.จังหวัด

    

ตลาดอินโดจีน ยุคปรับปรุงใหม่ แต่รู้สึกความหลากหลายของสินคัา จะน้อยกว่าเดิม

จากนั้นผมก็เดินทางมาถึง ตลาดอินโดจีน แหล่งรวมสินค้าชายแดน ต่างๆ ซึ่งแต่เดิมตลาดอินโดจีน จะไม่ได้อยู่ในอาคาร อย่างทุกวันนี้ ทำให้ผมรู้สึกว่าสินค้าหลายๆอย่างลดลงไปอย่างมาก และ นอกจากนั้นร้านค้ายังเปลี่ยนแปลงไปในรูปแบบอื่นๆ อีกด้วย แต่ว่าไหนๆก็มาถึงแล้ว ก็ต้องจับจ่ายกันสักหน่อย สิ่งที่ผมตั้งใจจะมาหาซื้อจากที่นี่นั้น ก็คือ กระทะ ครับ เป็นกระทะสำหรับทำ ไข่กระทะ เมนูง่ายๆ แต่อร่อย ซึ่งตัวกระทะนั้น จะทำจาก อลูมิเนียม( ผมมีวิธีทำไข่กระทะแถมให้ด้วย) อ่านได้จาก เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยครับ หลังจากที่ได้ อุปกรณ์ในการทำไข่กระทะมาสมใจแล้ว ก็เดินทางต่อ ระหว่างการขับรถไปนั้น ผมก็พบเห็นหอฬิกา

ระลึกของชาวเวียดนาม ที่เคยอาศัยใน จ. นครพนม นับว่าเป็นอนุสรณ์ที่แสดงให้เห็นถึง มิตรไมตรี ของชาว ไทย – เวียดนาม แต่ก่อนมาได้อย่างดี

หอนาฬิกา ที่ชาวเวียดนามสร้างไว้ อยู่ริมฝั่งโขง

จากนั้นผมก็มาถึง วัดโอกาสศรีบัวบาน ซึ่งนับว่าเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองมาเนิ่นนาน และ เป็นที่ประดิษฐาน พระติ้ว และพระเทียม คู่กัน พระติ้วคือองค์ด้านขวา ทำด้วยไม้ติ้ว บุทองคำ และ พระเทียมนั้นไม่ได้บุทองแต่ปิดทองคำเปลวเอาไว้ ชาวบ้านนิยมมา สักการะ บูชาเป็นอันมาก

ที่ด้านหลังวัดมีต้นสาละ ซึ่งชาวบ้านนิยมเก็บดอกไปเป็นสิริมงคล

พระติ้ว และ พระเทียม ในวัดโอกาส ศรีบัวบาน

เมื่อได้สักการะพระคู่เมือง ของนครพนมแล้วผมก็ ไปยัง วัดมหาธาตุต่อ ซึ่ง เป็นที่ประดิษฐาน พระธาตุนคร ( คล้ายๆ พระธาตุพนม ) มีความสูงประมาณ 24 เมตร สร้างโดย พระยามหาอำมาตย์ แม่ทัพเมือง เวียงจันทน์ เมื่อ พ.ศ. 1150 ตัวอุโบสถ มีความสวยงามและ มีหน้าบัน ที่สวยงามบอกเล่าเรื่องราว เกี่ยวกับองค์ พระธาตุ เอาไว้

องค์พระธาตุ ทรงคล้ายๆกับ พระธาตุพนม

หน้าบันของ พระอุโบสถ บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับตัว องค์พระธาตุ

เนื่องจากในช่วงที่ผมเริ่มเที่ยวนี้ ค่อนข้างเย็น แล้วจึงทำให้ เที่ยวได้ไม่มากนัก เพราะวัดต่างๆ ได้เวลา ทำวัตรเย็นแล้ว จึงทำให้ต้องหยุดการเที่ยวต่อไป โดยปริยาย แต่นับว่าเป็นโอกาสดีที่ได้เห็นภาพ พระภิกษุ รวมถึง เณร ต่างๆ เข้า ทำวัตรเย็น พร้อมๆกัน เณรเด็ก ก็ซน ไม่ค่อยเชื่อฟัง พระสงฆ์ ที่อาวุโสกว่า ก็คอยดูแล ตักเตือน นับว่าเป็นวิถีที่ไม่ค่อยพบเห็นในสังคม เมืองอย่าง กรุงเทพ ฯ วันนี้ขอลาไปก่อนครับ แล้วผมจะกลับมาพาทุกท่านเที่ยวใหม่ สวัสดีครับ