ในอดีต เมื่อย่างเข้าเดือนตุลาคม – ธันวาคม อากาศก็มักจะค่อยๆหนาวขึ้นๆ จนบางปีนั้น หนาวมาก สำหรับภาคกลางนั้น ใครที่มีอายุสักหน่อยก็คงจะพอจำกันได้ว่า อาจได้เห็น หมอกลงในกรุงเทพ และ อากาศหนาวลมเย็น จนต้องใส่เสื้อกันหนาว ทุกครั้งที่ออกนอกบ้าน แต่กล่าวมานั้น ดูเหมือนจะเป็นอดีตไปแล้ว เมื่อเทียบกับสภาพอากาศ ในปัจจุบัน ฤดูกาลที่เปลี่ยนไป อย่างมาก ทำให้เมืองไทยของเรานั้น ค่อนข้างจะร้อนตลอดทั้งปี ถึงเราจะรอคอย หน้าหนาวในฝัน และก็ต้องผิดหวังกันไปหลายปี เพราะภูมิอากาศสมัยนี้หนาวแค่ไม่กี่วันเท่านั้น แต่สิ่งหนึ่ง ที่เรารอคอยแล้วมักจะไม่ผิดหวังก็คือ ฝูงนกอพยพ ที่หนีหนาวจากทางซีกโลกเหนือ ที่มักจะหนีหนาวลงมาบ้านเราในทุกๆปี แน่นอนครับ หนาวนี้เราจะได้เห็นนก แปลกๆอพยพกันลงมา เกริ่นนำมาเสียนาน .. สำหรับวันนี้ นายเกริกเกียรติ จะขอพาท่าน ไปดูนก ดูทะเล กันที่ บางปู ครับ บางปู สถานที่ท่องเที่ยวไม่ไกล จากเมืองกรุง นอกจากเป็นสถานตากอากาศ ที่ได้รับความนิยม มายาวนานแล้ว ยังเป็นจุดชมนก ที่ใกล้กรุงเทพที่สุดแห่งหนึ่ง และเนื่องด้วย ควาวอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติ ที่มีอยู่ จึงทำให้มีนกจำนวนมากอพยพย้ายถิ่น มาหากินในบริเวณนี้จำนวนมาก ผมออกเดินทางจาก กรุงเทพฯ สู่ สถานตากอากาศ บางปู จ.สมุทรปราการ ในช่วงเที่ยง การจราจรนั้นก็มีติดขัดบ้างเป็นระยะ เมื่อเดินทางผ่านช่วงที่การจราจรหนาแน่นมาสักพัก ก็เริ่มเห็นความเป็นเมืองที่ลดลง บรรยากาศของชายทะเลเข้ามาแทนที่ ไม่น่าเชื่อว่ารอบนอกของสังคมที่วุ่นวาย เรายังมีธรรมชาติรอคอยเราอยู่ และแล้วก็มาถึง ป้ายสถานตากอากาศบางปู ชี้ให้มองทางด้านขวามือ เห็นกังหันลม ขนาดใหญ่ตั้งตระหง่าน เป็นจุดสังเกตุได้อย่างดี
หลังจากจอดรถเรียบร้อย ก็คว้ากล้องเดินมุ่งหน้าสู่สะพาน สุขตา ทันที
สะพานสุขตานั้น นับเป็นเอกลักษณ์ของบางปู คือสะพานขนาดใหญ่ ที่ทอดยาวออกไปในทะเล เพื่อเดินไปสู่ ศาลาสุขใจ สำหรับ ศาลาสุขใจนั้น เป็นอาคารขนาดใหญ่ แบ่งเป็น ปีกซ้าย และ ขวา มีบริการ อาหารเครื่องดื่ม สำหรับความเป็นมาของ สถานตากอากาศบางปู นั้นเริ่มเมื่อครั้ง จอมพล แปลก พิบูลสงคราม ได้เดินทางผ่านในบริเวณนี้ และเล็งเห็นว่า มีทัศนียภาพ สภาพอากาศ เหมาะแก่การพักตากอากาศ จึง ได้มีมติให้จัดสรรงบประมาณ เพื่อดำเนินการสร้าง สถานตากอากาศแห่งนี้ ครั้งสุดท้ายที่ผมมาเยือนที่บางปูแห่งนี้ คือสมัยเด็กๆ ยังคงจำได้ว่า สะพานสุขตานั้น เป็นสะพานไม้ และ ศาลาสุขใจ นั้นก็ยังคงเป็น ศาลาไม้ขนาดใหญ่ ในปัจจุบันภาพเหล่านั้นเลือนหายไปหมดแล้ว สะพานสุขตา กลายเป็นสะพานคอนกรีต เสริมเหล็ก และ ศาลาสุขใจ ในวันนี้ก็กลายเป็น อาคารคอนกรีต ที่ดูมั่นคงแข็งแรง แต่ถึงแม้รูปทรงของอาคารจะเปลี่ยนไปบ้าง ก็ยังคงเปิดให้บริการอาหาร
และ ลีลาศตามปกติ ถ้าจำไม่ผิด ที่นี่ยังคงเปิดฟลอร์ลีลาศ ทุกคืนวันเสาร์ครับ
เดินมาเรื่อยๆ บนสะพานสุขตา ก็พบฝูงนก นางนวล จำนวนมาก บินวนเวียนอยู่ เป็นเพราะมีจุดบริการ ขายอาหารนกแก่นักท่องเที่ยว ตั้งอยู่ระหว่างทาง ถือเป็นกิจกรรมที่เด็กๆชอบมาก เพราะนอกจากจะได้ตื่นตาตื่นใจ กับนกนางนวล ที่ลอยตัวอยู่ในน้ำแล้ว การให้อาหารนก จำทำให้นกบินขึ้นมา โฉบเฉี่ยว กินอาหารกลางอากาศ มาถึงตรงนี้ผมก็อดใจไม่ได้ที่จะต้องหยุดแวะถ่ายภาพ เพราะนกนางนวลนั้น ไม่ใช่นกที่จะพบเห็นได้ง่ายๆในไทย นอกจากนก นางนวลแล้ว ยังมีนกอื่นๆ รวมถึงนกพิราบ
บินหากินอยู่ในบริเวณเดียวกัน
การถ่ายรูปนกนั้น ต้องใช้ความอดทนสักนิด เนื่องจาก นกนางนวลสามารถบินได้อย่างรวดเร็วมาก จึงต้องจับจังหวะให้ดีครับ และโอกาศ ที่เหมาะๆนั้น น่าจะเป็นช่วงที่มีคนกำลังให้อาหารนก ซึ่งจะทำให้นกบินวนไปมา ถือเป็นโอกาสทองของผู้ที่จะถ่ายภาพ
ในการเก็บภาพอิริยาบท ต่างๆของนกในขณะบิน
หลังจากเพลิดเพลินกับการถ่ายภาพนก ระยะใหญ่ ผมก็ตัดสินใจเดินย้อนมาดูส่วนอื่นๆบ้าง บริเวณที่เป็นชายฝั่งนั้น มีการปลูก ต้นโกงกาง เอาไว้มากมาย เพื่อทดแทนกลุ่มป่าชายเลนเดิมที่เสื่อมโทรมไป และเพื่อเป็นการอนุรักษ์ระบนิเวศ ชายฝั่ง ที่นี่ยังมีโอกาสได้เห็น ปลาตีน ตามพื้นเลน หรือแอ่งน้ำ ในชายป่า มีปลาตีน น้อยใหญ่ แหวกว่าย อยู่อาศัยกันพอประมาณ เด็กๆที่ผ่านมาเห็น ก็มักจะตื่นเต้น เพราะไม่เคยเห็นปลาที่ อยู่บนบกได้แบบนี้ แต่เดิม ตามย่านชายคลอง ของสมุทรปราการ
มีปลาตีนมากมาย แต่ปัจจุบันลดลงไปมาก เพราะปัญหาน้ำเสีย และ การเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมสู่สังคมเมือง
หลังจากเพลิดเพลินกับ การถ่ายภาพ บริเวณสะพานสุขใจแล้ว ผมก็เดินเก็บภาพบริเวณโดยรอบ เพราะที่นี่ยังมีแนวปลูกป่าชายเลนใหม่ และ กังหันลมปั่นไฟ ซึ่งตั้งเรียงรายอยู่หลายต้น ปัจจุบันพลังงานทดแทนเหล่านี้ได้รับความสนใจไม่น้อย และ การใช้กังหันลมนั้น สามารถ ผลิตไฟฟ้าได้ไม่น้อย ยิ่งการติดตั้งกังหันลมริมชายทะเล ที่มีลมพัดแรงตลอดเวลาเช่นนี้ ยิ่งสามารถผลิตกระแสไฟได้ตลอดเวลา
ปัจจุบัน คนไทยสามารถประดิษฐ์ กังหันลมปั่นไฟได้เอง ด้วยวัสดุเหลือใช้ต่างๆ นับเป็นแนวทางที่น่าส่งเสริมไม่ใช่น้อย
นอกจากนี้ในบริเวณยังมีกังหันแบบอื่นๆ ที่ใช้ในการสูบน้ำอีกด้วย กังหันสูบน้ำ ที่เราเห็นนั้นจะมีหน้าตาเหมือนกับกังหันสูบน้ำ ที่สวนจิตรลดา และปัจจุบันยังคงใช้การได้อยู่ สิ่งเหล่านี้ถือเป็นพระอัจฉริยภาพ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงมีพระราชดำริ
ในการประหยัดพลังงาน และ ใช้พลังงานทดแทนเพื่อความยั่งยืน
แดดร่มลมตกมากแล้ว ผมเดินกลับไปเก็บภาพแสงยามเย็นไปเรื่อยๆ คงต้องกล่าวว่า วันนี้เป็นอีกหนึ่งวันที่ หลีกหนีความจำเจในเมือง มารับอากาศ บริสุทธิ์ใกล้กรุงเทพ ขอเชิญชวนให้แวะเวียนมาเที่ยว บางปู กันนะครับ ยิ่งหน้าหนาวของทุกปี ที่นี่จะมี เทศกาลดูนกด้วย ท่านใดที่มีเวลาไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่งครับ สำหรับวันนี้ ขอตัวลาไปก่อน สวัสดีครับ
ข้อมูลจังหวัด
+ ข้อมูล ท่องเที่ยว จังหวัด สมุทรปราการแกลลอรี่ รูปภาพ
ชมภาพ จ.สมุทรปราการ
Menu
