วันนี้ฟ้าค่อนข้างเป็นใจเสียเหลือเกิน ผมไม่รอช้า คว้ากระเป๋า ใบเดิมพร้อมเพื่อนคู่ใจ การเดินทางช่วงหน้าฝนนั้น เป็นช่วง ที่ผมชอบที่สุด บนเส้นทางต้นไม้ใบหญ้าดูเขียวชื่นตาไปหมด อากาศก็สบาย แดดไม่ร้อนจัด เป้าหมายที่ทางบริษัท มอบหมายนั้น คือ ภูทับเบิก ครับ ชื่อนี้ติดใจผมมากตั้งแต่ปีก่อน แต่ผมยังไม่มีโอกาศได้กลับมาสำรวจเส้นทางนี้อีกครั้ง เท่านั้นแหละ แต่ก็ตั้งใจว่าจะต้องสัมผัส ภูทับเบิกให้จงได้ ภูทับเบิก นั้น เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดใน จ. เพชรบูรณ์ อยู่บนเทือก เขาเดียวกันกับ ภูหินร่องกล้า แต่ต่างกันตรงที่ ภูหินร่องกล้า นั้นได้ทิ้งร่องรอยแห่งแดนยุทธภูมิเอาไว้ ส่วนภูทับเบิก นี้ เป็น ดินแดน ที่ชาวม้งได้ร่วมกันบุกเบิก ก่อร่างสร้างตัวบนดินแดนแห่งทะเลภูนี้ ให้เป็นแหล่งผลิตอาหารโลกทางเกษตร อีกแห่ง ณ ที่นี้ มีการปลูก กะหล่ำใหญ่ที่สุดในโลก ปลอดภัยที่สุด นับเป็นความภูมิใจของชาว ภูทับเบิกเลยทีเดียว ผืนเกษตรแต่ละ ขุนเขาดูเรียบเนียนเป็นผืนสีเขียว ราวกับถักทอผืนพรมปูลาดไปทั่งทุกคลื่นเขา
กระนั้นด้วยความสูง 1 .768 เมตร จากระดับน้ำทะเลภูทับเบิกจึงมีอากาศเย็นตลอดปี แล้วผมก็เดินทางมาถึงจุดใชมวิว ซึ่งอยู่ระหว่างทาง สายฝนผ่านไปหมาดๆ ม่านหมอกขาวๆค่อยๆ กระจายตัวเปิดกว้างออกตามแสงตะวัน ผมมองตามม่านหมอก ออกไปด้วยใจจดจ่อ ช่างอัศจรรย์จริงๆ ภาพที่เห็นเบื้องหน้า คือ ทะเลภูที่งดงาม งามจนสะกดใจให้ นิ่งอึ้งไปสักพัก แล้วพึมพำกับตัวเอง มหัศจรรย์เมืองไทย ใครบอกว่าเที่ยวเมืองไทยทั่วแล้ว ผมว่าไม่จริง เมืองไทยยังมี สิ่งน่ารู้อีกมากมาย หลายมุมมองให้ค้นหา บางที่ผมไแล้วไปอีกก็ไม่เบื่อ แต่ละที่มีเอกลักษณ์ของตนเอง บอกตามตรงครับ ผมภูมิใจเมืองไทยของเรา ไว้พบกันใหม่ครั้งต่อไปนะครับ กับที่เที่ยวใหม่ๆ และ นายสำรวจ ไปก่อนแล้วครับ
ปล. ขออภัยที่ไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้โดยละเอียด
แนะนำโดย นายสำรวจ
- แนะนำที่กินกับนายหมูเปรี้ยว เพื่อนซี้ผม
Categories