วันที่หนึ่ง กรุงเทพฯ – กรุงโรม (อิตาลี) 22.30 น. คณะผู้เดินทางพร้อมกันที่ สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้น 4 ประตูผู้โดยสารขาออก หมายเลข 7 เคาน์เตอร์ Q สายการบินอิยิปต์แอร์ (MS) เจ้าหน้าที่บริษัทฯ คอย ให้การต้อนรับพร้อมอำนวยความสะดวก ด้านสัมภาระ และบัตรที่นั่งขึ้นเครื่อง
วันที่สอง กรุงโรม – ชมเมือง – นครวาติกัน
00.45 น. ออกเดินทางสู่ กรุงโรม ประเทศอิตาลี โดยเที่ยวบินที่ MS 959 / MS 791 (ใช้ เวลา 4 ช.ม.แวะเปลี่ยนเครื่องที่กรุงไคโร ประเทศ อิยิปต์ ) 13.25 น. เดินทางถึง สนามบินลีโอนาร์โด ดาร์วินชี่ (ฟิอุมมาชิโน) หลังผ่านการตรวจคนเข้า เมืองแล้ว นำคณะเดินทางโดยรถโค้ชสู่ กรุงโรม เมืองหลวงของประเทศอิตาลีซึ่งมีอดีตอันยิ่งใหญ่ และเกรียงไกรในยุคจักรวรรดิโรมันเรืองอำนาจเมื่อราวกว่า 2,000 ปีที่ผ่านมาแล้ว เข้าสู่ นครวาติกัน รัฐอิสระที่ปกครองตนเอง เป็นศูนย์กลางของศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก ชมความงดงามตระการตาของ มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ สถาปัตยกรรมล้ำค่าที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ซึ่งตกแต่งอย่างโอ่อ่าหรูหรา ชมรูปปั้นแกะสลัก “เพียต้า” ผลงานของศิลปินเอก ไมเคิลแองเจโล เสาพลับพลาที่ออกแบบโดย เบอร์นินี และยอดโดมขนาดใหญ่ซึ่งปัจจุบันเป็นสิ่งล้ำค่าคู่บ้านคู่เมืองของอิตาลี จากนั้นคณะแวะถ่ายรูปที่ระลึกด้านหน้า สนามกีฬาโคลอสเซียม โบราณสถานเก่าแก่ 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก เคยเป็นสนามกีฬายักษ์ที่สามารถจุคนได้กว่า 50,000 คน และ ประตูชัยคอนสแตนติน สัญลักษณ์แห่งชัยชนะและที่มาของ “ถนนทุกสายมุ่งสู่กรุงโรม” จากนั้นชมร่องรอยของศูนย์กลาง แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ โรมัน ฟอรั่ม, จัตุรัสเวเนเซีย, ระเบียงปาลาสโซ สถานที่ใช้กล่าวสุนทรพจน์ของมุสโสลินีในโอกาสต่างๆ ชม อนุสาวรีย์พระเจ้าวิคเตอร์ เอ็มมานูเอ็ลที่ 2 ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นพระบิดาของชาวอิตาลี จากนั้นนำคณะชม น้ำพุเทรวี่ จุดกำเนิดของเสียงเพลง “ทรีคอยน์ออฟเดอร์ฟาวด์เท่น” ที่โด่งดัง ชมความสวยงามของงานประติมากรรมหินอ่อนแบบบาร็อค ซึ่งเป็นเรื่องราวของเทพมหาสมุทร ตามตำนานกล่าวไว้ว่าหากใครได้มาถึงน้ำพุแห่งนี้แล้วโยนเหรียญอธิษฐานทิ้งไว้จะได้กลับมาเยือน กรุงโรมอีกครั้งหนึ่ง อิสระให้ท่านเดินเล่นหรือเลือกซื้อสินค้าต่างๆ ที่ย่าน “บันไดสเปน” แหล่งพักผ่อนของชาวอิตาลีซึ่งเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวหลากหลายเชื้อชาติ ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร เข้าสู่โรงแรมที่พัก ณ BEST WESTERN HOTEL (Fiano Romano-Rome) หรือ เทียบเท่า
วันที่สาม กรุงโรม – ปิซ่า – เวนิซ เมสเตร้
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม นำคณะเดินทางสู่ เมืองปิซ่า ผ่านบริเวณ ที่ราบระหว่างเชิงเขา Monte Pisano ในแคว้น Tuscany ระหว่างเส้นทางผ่านเมืองน้อยใหญ่ที่ตั้งอยู่บนเนินเขา ซึ่งในอดีตเป็นถิ่นที่อยู่ของชาวอีทรัสกัน เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร บ่าย เดินทางต่อโดยรถท้องถิ่นเข้าสู่ จัตุรัสแคมโป สถานที่ตั้งของ หอเอนปิซ่า สิ่งมหัศจรรย์หนึ่งในเจ็ดของโลก สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1174 เป็นสถานที่ตั้งของ หอเอนปิซ่า สิ่งมหัศจรรย์หนึ่งในเจ็ดของโลก สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1174 สถาปัตยกรรมที่งดงามซึ่งในอดีตเคยเป็นสถานที่ที่นักวิทยาศาสตร์เอกของโลก ศาสตราจารย์กาลิ เลโอ ได้ค้นพบทฤษฎีเรื่องแรงโน้มถ่วงของโลก อิสระให้ท่านได้ถ่ายรูปและช้อปปิ้ง ของที่ระลึกตามอัธยาศัย ได้เวลานัดหมายนำคณะเดินทางขึ้นสู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอิตาลีไปยัง เมืองเวนิซ เมสเตร้ ราชินีแห่งทะเลเอเดียตริก เมืองหลวงของแคว้นเวเนโต ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร เข้าสู่โรงแรมที่พัก ณ HOTEL RUSSOTT VENICE-MESTRE หรือเทียบเท่า
วันที่สี่ เวนิซ เมสเตร้ – อินน์สบรูก (ออสเตรีย)
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม นำคณะเดินทางสู่ ท่าเรือตรอนเชโต้ จากนั้นลงเรือเดินทางสู่ เกาะเวนิซ เมืองท่องเที่ยวที่ได้รับการกล่าวขานว่าโรแมนติกที่สุดแห่งหนึ่งของโลก “เมืองที่ใช้เรือแทนรถ ใช้คลองแทนถนน” มีเกาะเล็กใหญ่กว่า 118 เกาะ และมีสะพานเชื่อมมากกว่า 400 แห่ง เดินทางสู่ เกาะซานมาร์โค ศูนย์กลางของนครเวนิซ ผ่านชม สะพานถอนหายใจ ที่เชื่อมต่อระหว่าง “Doge Palace” ซึ่งเคยเป็นที่ประทับของเจ้าผู้ครองนครเวนิซในอดีต อีกทั้งยังเป็นศูนย์กลางของการปกครองแคว้นในยุคสมัยนั้นอีกด้วย ชม จัตุรัสเซนต์มาร์ค ที่มีโบสถ์เซนต์มาร์คเป็นฉากหลัง สร้างด้วยสถาปัตยกรรมไบแซนไทน์ อิสระเลือกช้อปปิ้งสินค้าพื้นเมือง ของเวนิซตามอัธยาศัย อาทิ เครื่องแก้วมูราโน่ ต้นตำรับของการเป่าแก้วของชาวมูราโน่ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะมาตั้งแต่บรรพชน โดยเครื่องแก้วแต่ละชิ้นมีรูปแบบ และคุณภาพเป็นที่ยอมรับ จากนักท่องเที่ยวทั่วโลก จากนั้นนำท่าน ล่องเรือกอนโดล่า (ใช้เวลาประมาณ 30 นาที) เพื่อชมมนต์เสน่ห์แห่งนครเวนิซ สู่ คลองใหญ่ Grand Canal คลองที่กว้างที่สุดของเกาะ และงานก่อสร้างที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นอัจฉริยะด้านสถาปัตยกรรมที่ สะพานเรียลอัลโต้ (ศิลปินเอกไมเคิลแองเจโล) ได้เวลานัดหมายนำคณะลงเรือเดินทางกลับสู่ฝั่งที่ ท่าเรือตรอนเชโต้ เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร บ่าย นำคณะเดินทางสู่ อินน์สบรูก เมืองท่องเที่ยวในแคว้นทิโรล แห่งลุ่มแม่น้ำอินน์ที่มีอายุ กว่า 800 ปี อดีตเคยเป็นศูนย์กลางทาง การค้าบนถนนสายโรมัน Via Cuaudla Augusta ตั้งอยู่ใจกลางเทือกเขาแอลป์ ค่ำ รับประทานอาหาร ณ ภัตตาคาร เข้าสู่โรงแรมที่พัก ณ CENTRAL HOTEL หรือเทียบเท่า
วันที่ห้า อินน์สบรูก – ลูเซิร์น (สวิสเซอร์แลนด์)
เช้า รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารของโรงแรม นำคณะขึ้นสู่ จุดชมวิวของเมืองอินน์สบรูก ท่านจะได้พบกับภาพอันสวยงามของตัว เมืองทั้งหมดจากเบื้องบนยอดเขา และก็ยังเป็นสถานที่แข่งขัน กีฬาฤดูหนาวอีกด้วย และยังเคยได้เป็นเจ้าภาพในการจัดการแข่งข้นกีฬาโอลิมปิคฤดูหนาว เมืองอินน์สบรูก เดิมเป็นเมืองเล็ก ๆ ริมแม่น้ำอินน์ ซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางเทือกเขาแอลป์ที่โอบล้อม รอบตัวเมือง และเป็นเมืองตากอากาศพักผ่อนของราชวงศ์ ฮัปฟ์บวร์ก นำคณะสู่ ถนนมาเรียเทเรซ่า ถนนสายหลักของเมืองอินน์สบรูก เชื่อมระหว่างเขตเมืองเก่ากับย่านช้อปปิ้งสมัยใหม่ ตรงกลางถนนเป็นที่ตั้งของ เสาอันนาซอยแล (เสานักบุญแอนน์) ซึ่งตั้งขึ้นเพื่อรำลึกถึงการถอนกองกำลังทหารบาวาเรีย ออกไปจากเมือง แล้วเข้าสู่ ย่านเมืองเก่า ที่ยังคงสภาพและบรรยากาศของยุคกลางได้เป็นอย่างดี อาคารบ้านเรือนที่มีอาร์คเดคชั้นล่างและมีมุขยื่นออกมาที่ชั้นบน แสดงให้เห็นถึงสถาปัตยกรรมแบบ โกธิคตอนปลาย และเรอเนสซองส์ บริเวณนี้คือที่ตั้งของ หลังคาทองคำ ที่สร้างในปี ค.ศ.1500 สมัยจักรพรรดิแม็กซิมิเลี่ยนที่ 1 หลังคามุงด้วยแผ่นทองแดงเคลือบทองสว่างไสว จากนั้นชม โรงแรมโกลเดนเนอร์แอดเลอร์ โรงแรมเก่าแก่ประจำเมืองซึ่งเคยใช้ในการต้อนรับเจ้านายในราชวงศ์และบุคคลชั้นสูงจากต่างแดน หลายท่าน ตามพระนามและรายชื่อที่จารึกไว้ในศิลาด้านหน้าของโรงแรมและเลือกซื้อ เครื่องแก้วเจียระไนชั้นดีของ Swarofski ที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร สมควรแก่เวลานำคณะเดินทางผ่าน นครวาดู๊ซ นครหลวงน่ารักของ รัฐอิสระลิคเท่นชไตน์ ซึ่งเป็นประเทศเล็กๆ ที่มีพรมแดนติดกับสวิสและมีเศรษฐกิจที่ดีอีกประเทศ หนึ่งของโลก หาซื้อแสตมป์ที่มีสีสันสวยงามเหมาะสำหรับนักสะสมและมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก นำคณะเดินทางต่อไปยัง ลูเซิร์น โดยรถโค้ช เมืองตากอากาศที่โด่งดังของสวิส และยังมีความสำคัญในด้านการก่อกำเนิดสมาพันธรัฐอีกด้วย เมืองนี้ตั้งอยู่ริมทะเลสาบขนาดใหญ่ที่ชื่อว่า เวียวาลด์ สแตร์ทเตอร์ อันหมายถึงทะเลสาบสี่พันธรัฐ ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร เข้าสู่โรงแรมที่พัก ณ HOTEL ASTORIA หรือเทียบเท่า
วันที่หก ลูเซิร์น – แองเกลเบิร์ก – ยอดเขาทิตลิส
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม นำคณะเดินทางสู่ เมืองแองเกิลเบิร์ก ขึ้นกระเช้าไฟฟ้าโรแตร์ ชมทิวทัศน์ของเทือกเขาแอลป์ บนกระเช้าที่หมุนได้ 360 องศา สู่ ยอดเขาทิตลิส ที่มีความสูง 3,028 เมตร ปกคลุมไปด้วยหิมะตลอดทั้งปี เป็นยอดเขาที่นักท่องเที่ยว นิยมมาเล่นสกีเป็นจำนวนมาก นำชม ถ้ำน้ำแข็ง Glacier Grotto ที่มีความยาวถึง 130 เมตร และมีความลึกที่สุดถึง 15 เมตร มีน้ำแข็ง ปกคลุมตลอดทั้งปี จากนั้นขึ้นสู่ ลานสกี อิสระให้ท่านได้เล่นหิมะกันอย่างสนุกสนาน เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารพาโนรามาบนยอดเขา บ่าย นำท่านลงจากยอดเขา เดินทางกลับสู่ เมืองลูเซิรน์ เพลิดเพลินกับการช้อปปิ้งที่มีร้านตัวแทนจำหน่ายนาฬิกาชื่อดัง เช่น บุคเคอเรอร์, กือเบอลิน, เอ็มบาสซี่ ร้านขายของที่ระลึกร้าน ช็อคโกแล็ต และช้อปปิ้งสินค้าชั้นดีที่มีชื่อเสียงตามอัธยาศัย ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร เข้าสู่โรงแรมที่พัก ณ HOTEL ASTORIA หรือเทียบเท่า
วันที่เจ็ด ลูเซิร์น – ดีจอง(ฝรั่งเศส)
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม ถ่ายรูปกับ อนุสาวรีย์สิงโตแกะสลักริมหน้าผา สัญลักษณ์แห่งความกล้าหาญ ซื่อสัตย์ และเสียสละที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแด่ทหารสวิสที่เสียชีวิต จากการปกป้องพระราชวังตุยเลอลีสในฝรั่งเศส และไปชม สะพานคาเปล (Kapelbruck หรือ Chape Bridge) สะพานไม้เก่าแก่ของเมืองที่มีอายุกว่า 600 ปี ทอดตัวข้ามแม่น้ำรอยส์ ตลอดสะพานประดับด้วยภาพเขียนที่บอกเล่าถึงประวัติศาสตร์ของประเทศได้เป็นอย่างดี สะพานนี้เคยถูกไฟไหม้เสียหายอย่างมากใน ค.ศ. 1993 แต่ได้รับการซ่อมแซมใหม่จนอยู่ในสภาพ ที่ดีเหมือนเดิม เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร บ่าย จากนั้นเดินทางผ่าน เมืองบาเซิล พรมแดนของสวิสกับฝรั่งเศส เมืองอุตสาหกรรมที่สำคัญของสวิส ซึ่งได้รับการขนานนามว่า “หัวเข่าของแม่น้ำไรน์” ข้ามแดนสู่ เมืองดิจอง ประเทศฝรั่งเศส เมืองหลวงแห่งแคว้นเบอร์กันดี ผ่านทุ่งราบอันกว้างใหญ่แหล่งผลิตมัสตาร์ดชื่อดัง อีกทั้งยังมีชื่อเสียงในการผลิตไวน์ชั้นเลิศอีกด้วย ผ่านชมอาคารบ้านเรือนสมัยเรอเนสซองส์ โบสถ์และวิหารเก่าแก่ในสมัยยุคกลาง ซึ่งมีจุดเด่นคือ การมุงหลังคาด้วยกระเบื้องสีแดงสด จัดเรียงเป็นลวดลายงดงาม ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร เข้าสู่โรงแรมที่พัก ณ HOTEL TULIP INN LE JURA หรือเทียบเท่า
วันที่แปด ดิจอง – TGV-ปารีส – พระราชวังแวร์ซายส์ – หอไอเฟล – ล่องแม่น้ำแซน
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม นำคณะเดินทางสู่ มหานครปารีส เมืองหลวงของประเทศฝรั่งเศสโดยรถไฟความเร็วสูง TGV ซึ่งมีความเร็วสูงสุด ประมาณ 350 กิโลเมตร / ชั่วโมง นครหลวงซึ่งได้รับการกล่าวขานว่าเป็นเมืองหลวงด้านแฟชั่นของโลก 10.30 น. คณะเดินทางถึง สถานีรถไฟ Gare de Lyon กรุงปารีส จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ใจกลางกรุง ปารีส จากนั้นนำท่านช้อปปิ้ง ร้านปลอดภาษี เพื่อให้ท่านได้เลือกซื้อสินค้าปลอดภาษีในราคาถูก อาทิเช่น เครื่องสำอาง, น้ำหอม, เครื่องประดับ, กระเป๋าหนังและเครื่องหนังอื่นๆ มากมาย รวมทั้งเสื้อผ้าแบรนด์เนมจากฝรั่งเศส เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร บ่าย นำท่านเที่ยวชมกรุงปารีส เริ่มต้นจาก จัตุรัสทรอคาเดโร เชิญถ่ายภาพ หอไอเฟิล เป็นที่ระลึกจากมุมกว้างซึ่งเป็นจุดที่สวยที่สุดและสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน ผ่านชมบริเวณลาน จัตุรัสคองคอร์ท สถานที่ซึ่งเคยเป็นลานประหารพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 และพระนางมาเรียอังตัวเนต พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 และพระนางมาเรียอังตัวเนต สมควรแก่เวลาเดินทางสู่ เมืองแวร์ซายส์ อดีตเมืองหลวงและศูนย์กลางการเมืองการปกครอง ในสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 อยู่ห่างจากปารีสไปทางตะวันตกเฉียงใต้ ระยะทางประมาณ 20 กิโลเมตร เข้าชม พระราชวังแวร์ซายส์ สัมผัสความยิ่งใหญ่อลังการของพระราชวังที่ได้รับการยกย่อง ว่าใหญ่โตมโหฬารและสวยงามที่สุดในโลก ซึ่งได้รับการตกแต่งไว้อย่างหรูหราวิจิตรบรรจง ชมความงดงามของห้องต่างๆ ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตกแต่งประดับประดาด้วยภาพเขียนต่างๆ และเฟอร์นิเจอร์ชั้นดี อาทิเช่น ห้องอพอลโล, ห้องนโปเลียน, ห้องบรรทมของราชินี, ห้องโถงกระจกท้องพระโรง, ห้องสงคราม และห้องสันติภาพ ฯลฯ ซึ่งรวบรวมเรื่องราวและความเป็นมาในอดีตอันยิ่งใหญ่ของพระราชวังแห่งนี้ เชิญท่านอิสระถ่ายรูปเป็นที่ระลึกบริเวณด้านหน้าอุทยานอันร่มรื่นและหลากหลายด้วยพันธุ์ไม้ดอก ไม้ประดับสีสันสวยงาม จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ ท่าเรือบาตามูซ เพื่อล่องเรือชมสถานที่สำคัญคู่บ้านคู่เมือง ริมสองฝั่งแม่น้ำแซน ผ่านชมความงดงามของโบราณสถานและอาคารเก่าแก่ สร้างขึ้นตามสไตล์ของศิลปะเรอเนสซองส์ ซึ่งได้รับการอนุรักษ์ดูแลเป็นอย่างดี ตลอดทางท่านจะได้ความประทับใจกับความสวยงามของทัศนียภาพที่ร่วมกันสรรสร้างให้นครปารีส ชื่อว่าเป็นนครที่มีความงดงามที่สุดแห่งหนึ่งของโลก (ในกรณีที่น้ำในแม่น้ำแซนขึ้นสูงกว่า ปกติหรือมีเหตุการณ์สุดวิสัย เช่น การนัดหยุดงาน เป็นต้น รายการล่องแม่น้ำแซนอาจจะไม่สามารถ ดำเนินการได้) ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร เข้าสู่ที่พัก ณ HOTEL MERCURE PARIS IVRY QUI DE SAINE หรือเทียบเท่า
วันที่เก้า กรุงปารีส – ชมเมือง – กรุงเทพฯ
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรม นำท่านเดินทางสู่ เกาะอิลเดอลาซิเต้ ศูนย์กลางของมหานครปารีส ผ่านชม โบสถ์นอร์ทเทรอดาม สร้างด้วยศิลปะแบบโกธิคที่ประดับ ตกแต่งด้วยกระจกสีอย่างงดงาม ซึ่งในอดีตเคยใช้เป็นสถานที่สำหรับพิธีราชาภิเษกนโปเลียน ขึ้นครองราชย์ มีอายุเก่าแก่กว่า 800 ปี จากนั้นนำคณะเข้าสู่ ถนนชองป์เซลิเซ่ ถนนแฟชั่นที่มีชื่อเสียงของปารีส ชมความยิ่งใหญ่ของ ประตูชัย สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติ แด่จักรพรรดินโปเลียน บ่าย นำคณะเดินทางสู่ สนามบิน เพื่อเตรียมเดินทางกลับสู่ กรุงเทพฯ 16.45 เดินทางกลับสู่ กรุงเทพฯ โดยเที่ยวบินที่ MS 800 / MS 958 (ใช้เวลา 1 ช.ม.แวะ เปลี่ยนเครื่องที่ กรุงไคโร ประเทศ อิยิปต์ )
วันที่สิบ กรุงเทพมหานคร
11.55 เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพมหานคร ด้วยความสวัสดีภาพ