ใจกลางกรุงเทพๆ มหานครของประเทศไทย ประเทศที่อิสระเสรี ทางศาสนาประเทศหนึ่งของโลก โบสถ์คริสต์ อันสวยงามตั้งตระหง่าน ด้วยอายุหลายร้อยปี ริมฝั่งเจ้าพระยา แม่น้ำสายหลักของชีวิต ที่นี่เรายังสามารถเข้าเยี่ยมชมได้ถึงเราจะมิได้ถือศาสนาคริสต์ก็ตาม
วันนี้ผมมีนัดล่องเรือสำราญกับผองเพื่อน ที่ท่าเรือริเวอร์ซิตี้ สี่พระยา ด้วยความที่ตื่นเต้นที่จะได้พบปะกับเพื่อนเก่า จึงเตรียมตัว
เผื่อเวลาในการเดินทางเอาไว้พอสมควร เพราะการจราจรในกรุงเทพของเราเอาแน่เอานอนไม่ได้ จริงไหมครับ ว่าแล้วก็ตามคาด เวลายังเหลือเฟือ ก่อนเรือจะออกจากท่าเรือ เพราะเดินทางมาถึงเร็ว แน่นอนโดยสัญชาติญาณคนที่อยู่นิ่งๆไม่เป็น ขาก็มักจะก้าวเดินอยู่ตลอด ต้องหาที่เที่ยวซะหน่อยแล้ว สุดท้ายสองเท้าก็พามาหยุด ที่ สถานที่นี้ โบสถ์แม่พระลูกประคำ (กาลหว่าร์) ซึ่งอยู่ ห่างจากท่าเรือ ริเวอร์ซิตี้ สี่พระยา เพียง 200 เมตรเท่านั้น โบสถ์แม่พระลูกประคำ (กาลหว่าร์) สามารถ เดินผ่านซอยวานิช 2 ซอยเล็กๆ ข้างๆท่าเรือ ริเวอร์ซิตี้สี่พระยา เพียงชั่วครู่เท่านั้นก็จะถึงทางเข้า ซึ่งตัวโบสถ์ ตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกับ โรงเรียนกุหลาบ เรียกได้ว่า รั้วติดกันเลยก็ว่าได้ ตัวโบสถ์เปิดรับสุภาพชนทุกท่านครับ
“วัดกาลหว่าร์” เป็นวัดเก่าแก่มีความเป็นมาจะเรียกได้ว่าพร้อมกับกรุงรัตนโกสินทร์เลยทีเดียว
จากประวัติศาสตร์ ทำให้สามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่า เป็นวัดคาทอลิกคู่กรุงรัตนโกสินทร์ก็ว่าได้เพื่อความเข้าใจอย่างถูกต้อง ต้องรู้จักที่มาของ “คาทอลิก” ในประเทศไทยเสียก่อน ชาวโปรตุเกสเข้ามาตั้งถิ่นฐานอยู่ที่อยุธยา ก่อนที่พระสงฆ์คณะมิสซังต่างประเทศจะมาถึงนานพอดู และพวกนักบวชคณะต่าง ๆ เช่น คณะดมีนีกัน และคณะอื่น ๆ จึงเข้ามาภายหลัง
และแต่ละคณะก็จะมีการสร้างวัด และบ้านของตนเอง
ครั้นเมื่อทางสันตะสำนัก (กรุงโรม) ประกาศแต่งตั้งประมุขมิสซังสยาม อันได้แก่ คณะสงฆ์มิสซังต่างประเทศ ซึ่งเป็นชาวฝรั่งเศส จึงทำให้ชาวโปรตุเกสแบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มหนึ่งยอมรับอำนาจการปกครองของบรรดาประมุชมิสซังฯ ส่งบุตรหลานเข้าเรียน และช่วยเหลือกิจการของมิสซัง เช่น ที่บ้านเณรเล็กนักบุญยอแซฟ (บ้านเณรแห่งแรกในกรุงสยาม ที่อยุธยา) และบ้านเณรใหญ่
อีกกลุ่มหนึ่ง ไม่ยอมรับอำนาจของประมุขมิสซัง และชาวฝรั่งเศส จะยอมรับเฉพาะพระสงฆ์ชาวโปรตุเกส
ปี ค.ศ. 1767 ทหารพม่าบุกเข้ายึดกรุงศรีอยุธยา พวกพระสงฆ์โปรตุเกสยอมมอบตัวแก่ทหารพม่า ส่วนพระสังฆราช และพระสงฆ์ชาวฝรั่งเศสถูกจับเป็นเชลย วัดนักบุญยอแซฟถูกทำลาย ทรัพย์สมบัติถูกยึดไปมากมาย บรรดาคริสตังชาวโปรตุเกสและชาวญวณจำนวนหนึ่งที่รอดจากการถูกจับ หรือถูกฆ่า ได้พากันอพยพลงมายังบางกอก (กรุงเทพ)
โดยล่องมาตามลำน้ำเจ้าพระยา
กลุ่มชาวโปรตุเกส ที่ไม่ยอมรับอำนาจของพระสังฆราชประมุขมิสซัง ได้นำเอาทรัพย์สมบัติไปด้วย และในบรรดาสมบัติดังกล่าวนั้น มีรูปปั้นมีค่ายิ่งสองรูป รูปแรก คือ รูปแม่พระลูกประคำ (คือรูปที่ใช้แห่ทุก ๆ ปี ในโอกาสฉลองวัดในปัจจุบันนี้) อีกรูปหนึ่ง
คือ รูปพระศพของพระเยซูเจ้า (ซึ่งใช้แห่กันทุกปี ในวันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ จนปัจจุบัน
)
สำหรับรายละเอียดแบบ เจาะลึกเพื่อความถูกต้องผมขอแนะนำให้ติดตามอ่านจาก เว็บไซต์ ของทางโบสถ์เพื่อความไม่ผิดพลาดครับ