วันที่ 1: พะเยา (อาหารกลางวัน, อาหารเย็น)
9.00 น. รถรับจากสนามบินเชียงใหม่ มุ่งหน้าไปยัง จ.พะเยา เวียงภูกามยาว ซึ่งได้รับการโหวตจาก World Health Organization หรือ WHO ให้ติดอันดับ 1 ใน 5 เมืองน่าอยู่ของประเทศไทย
10.30 น. แวะ
น้ำพุร้อนแม่ขะจาน ยืดเส้นยืดสาย ชิมกาแฟสด ก่อนออกเดินทางต่อ
12.00 น. ถึงกว๊านพะเยา รับประทานอาหารกลางวันที่ร้านเจือจันทร์โภชนา
13.00 น. ล่องเรือไหว้พระในกว๊านพะเยา และชมโบราณสถาน วัดใต้บาดาลติโลกอาราม ที่มีอายุกว่า 500 ปีที่ขุดพบใต้กว๊านพะเยา
14.00 น. นมัสการ
พระเจ้าตนหลวง ซึ่งเป็นพระพุทธรูปศิลปะเชียงแสนองค์ใหญ่ที่สุดในล้านนาไทยและเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองมาแต่โบราณ ที่ วัดศรีโคมคำ
15.00 น. มุ่งหน้าสู่
วัดอนาลโยทิพยาราม ศาสนสถานสำคัญแห่งหนึ่งของ จ.พะเยา ชมสถานที่จำลอง ตามแบบศาสนสถานชมพูทวีป และยังมีพระพุทธรูปปางต่างๆ อีกหลายองค์ อาทิเช่น พระพุทธไสยาสน์ พระพุทธรูปปางลีลา พระพุทธรูปปางนาคปรก 16.30 น. เช็คอินเข้าพักที่โรงแรม พะเยาเกทเวย์ หรือเทียบเท่า พักผ่อนตามอัธยาศัย 18.00 น. รับประทานอาหารเย็นที่ร้านแสงจันทร์ พร้อมชมบรรยากาศพลบค่ำริมกว๊านพะเยา
19.00 น. กลับที่พัก
วันที่ 2: น่าน (อาหารเช้า, อาหารกลางวัน, อาหารเย็น)
6.00 น. หลังจากรับประทานอาหาร เช็คเอาท์ออกจากที่พัก เพื่อร่วมทำบุญตักบาตรข้าวเหนียว
หน้ากว๊าน ก่อนออกเดินทางต่อไปยัง จ.น่าน
10.00 น. เยือน ชุมชนมลาบรี หรือผีตองเหลือง ซึ่งมีวิถีชีวิตที่น่าทึ่งน่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นการแต่งกายซึ่งไม่นิยมนุ่งเสื้อผ้า หรือ การเร่ร่อนอยู่ไม่เป็นที่เป็นแหล่ง ถึงแม้ในปัจจุบัน ชาวตองเหลืองจะมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น แต่ผู้คนตองเหลืองก็ยังมีชีวิตน่าสนใจน่าศึกษาอยู่ 12.00 น. รับประทานอาหารกลางวันที่ น่านวัลเล่ย์รีสอร์ท
13.00 น. เดินทางไปยัง อ.ท่าวังผา เพื่อไปนมัสการ
วัดหนองบัว มีภาพจิตรกรรมฝาผนังเกี่ยวกับความเป็นอยู่ของแม่ญิง (ผู้หญิง) ล้านนาค่อนข้างสมบูรณ์ เช่น การแต่งกายแบบผ้าซิ่นลายน้ำไหลที่โด่งดังของ จ.น่าน ด้านหลังวัด ยังมีบ้านลื้อจัดแสดงให้ได้ศึกษา การใช้ชีวิตของชาวลื้ออีกด้วย
14.00 น. มุ่งหน้าไปยัง อ.ปัว เพื่อไปดูต้นไม้มหัศจรรย์
“ต้นดิกเดียม“ ซึ่งตั้งอยู่หน้าวิหารวัดปราง เป็นต้นไม้ประหลาด หันหน้าเข้าวัด หันหลังให้แดด สั่นไหวเมื่อมีคนสัมผัสบริเวณลำต้นเหมือนคนจั๊กกะจี้
15.00 น. เที่ยวชม
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน เดิมเป็นที่ประทับของเจ้าเมืองน่าน ในพิพิทธภัณฑ์นี้ มี “งาช้างดำ” นำมาจากเชียงตุง เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง (พิพิทธภัณฑ์ปิดทำการวันจันทร์ และอังคาร)
จากนั้น นมัสการวัดดังต่าง ๆ ทั่วเมืองน่านซึ่งมีเอกลักษณ์แตกต่างกันออกไป อันได้แก่
วัดภูมินทร์ จุดเด่นของวัดนี้คือเป็นวัดที่สร้างทรงจัตุรมุขหนึ่งเดียวในประเทศไทย ที่ดูคล้ายตั้งอยู่บนหลังพญานาค 2 ตัว รัฐบาลไทยเคยพิมพ์รูปวัดภูมินทร์ในธนบัตรใบละ 1 บาท ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
อีกทั้งยังมีภาพจิตรกรรมฝาผนังฝีมือชาวไทยลื้ออันวิจิตรพิสดาร
วัดช้างค้ำ เป็นวัดหลวงในเขตนครน่าน สำหรับเจ้าผู้ครองนครใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีสำคัญทางพุทธศาสนาและ พิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยาตามศิลาจารึกหลักที่ 74
ซึ่งถูกค้นพบภายในวัด
วัดมิ่งเมือง เป็นวัดที่ตั้งของเสาหลักเมืองน่าน ตัววิหารเป็นลายปูนปั้นปราศจากสีสันอันวิจิตรบรรจง ภาพวาดฝาผนังวัดถึงแม้จะเป็นฝีมือของจิตรกรยุคใหม่ ก็มีสีสันลายเส้นสวยงามและบอกเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์ชาวเมืองน่านได้อย่างครบถ้วน
16.00 น. ขึ้น
พระธาตุเขาน้อย เพื่อชมความสวยงามของตัวเมืองน่านจากมุมสูง 17.00 น. เช็คอินเข้าที่พักที่ โรงแรมเทวราช หรือเทียบเท่า
18.00 น. รับประทานอาหารเย็นริมแม่น้ำน่าน
วันที่ 3: แพร่ (อาหารเช้า, อาหารกลางวัน)
8.00 น. หลังจากรับประทานอาหารเช้า เช็คเอาท์จากที่พักจากนั้นเดินทางไปนมัสการ
ปูชนียสถานที่เลื่องชื่อที่สุดของน่าน คือ
วัดพระบรมธาตุแช่แห้ง พระธาตุประจำปีเถาะ หรือปีกระต่าย ทางขึ้นสู่องค์พระธาตุเป็นตัวพญานาค หน้าบันไดเหนือประตูทางเข้าพระวิหารเป็นปูนปั้นลายนาคเกี้ยว ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์ของศิลปกรรมเมืองน่าน
9.00 น. ออกเดินทางไปยัง จ. แพร่ เพื่อเที่ยวชม
แพะเมืองผี ซึ่งเกิดจากสภาพภูมิประเทศซึ่งเป็นดิน และหินทรายถูกกัดเซาะตามธรรมชาติเป็นรูปร่างลักษณะต่างๆ
11.00 น. เพลิดเพลินกับการเดินเที่ยว
ตลาดบ้านทุ่งโฮ้ง แหล่งผลิตเสื้อผ้าม่อฮ่อมอันลือเลื่องของชาวแพร่ 12.00 น. รับประทานอาหารกลางวันที่ โรงแรมแม่ยมพาเลส หรือ นครแพร่ทาวเว่อร์
13.00 น. ชมสถาปัตยกรรมและศึกษาประวัติความเป็นมาอันลี้ลับของ
คุ้มเจ้าหลวงเมืองแพร่ ซึ่งเป็นจวนผู้ว่าเดิม บริเวณชั้นใต้ดินบรรยากาศเย็นยะเยือก เป็นคุกโบราณ ใช้ขังทาส และนักโทษ เมื่อเข้าชม ให้เดินถอยหลังเข้าประตูเพื่อแก้เคล็ด
14.00 น. นมัสการ
วัดพระธาตุช่อแฮ เป็นปูชนียสถานอันศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองแพร่ ตามตำนานกล่าวว่าสร้างขึ้นเมื่อสมัยพระมหาธรรมราชาธิราช (ลิไท) โดยขุนลัวะอ้ายก้อม พระธาตุช่อแฮเป็นเจดีย์ที่ประดิษฐานพระเกศาธาตุ และพระบรมสารีริกธาตุพระศอกซ้ายของพระพุทธเจ้า เป็นพระธาตุประจำปีขาล หรือปีเสือ
15.00 น. กลับเชียงใหม่ ไม่ลืมแวะ
พระธาตุสุโทนมงคลคีร ี ซึ่งมีพระนอนที่ใหญ่ที่สุด ภายในวัด มีการรวบรวมสถาปัตยกรรม และศิลปกรรมเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาทั้งจากศาสนสถานทั่วประเทศไทย และสิบสองปันนา ประเทศจีนอีกด้วย
17.00 น. ส่งท่านที่สนามบินเชียงใหม่ เดินทางกลับโดยสวัสดิภาพ