>>>เชียงราย สู่ เมืองลา อารยธรรมไตลื้อ

7 วันบน เส้นทางอารยธรรมไตลื้อ

สวัสดีครับ ผมนายเกริกเกรียติ มาพบทุกท่านอีกครั้ง ในวันนี้ผมจะมาเล่าถึง การเดินทางในเส้นทาง แม่สาย – ท่าขี้เหล็ก – เชียงตุง – เมืองลา – เมืองฮาย – เชียงรุ่ง ซึ่งใช้เวลาในการเดินทาง 7 วันด้วยกัน สนุกสนานแค่ไหน ตามผมมาเลยครับ

ช่วงบ่ายของวันแรก ผมและคณะผู้ร่วมเดินทาง พบกันที่สนามบินดอนเมือง แล้วนั่งเครื่องบิน สู่สนามบินนานาชาติ จ.เชียงราย เพียง 1 ชั่วโมง เราก็มาถึง จ. เชียงราย แล้วนั่งรถต่ออีกนิดเพื่อเดินทางสู่ อ.แม่สาย เหนือสุดชายแดนไทย ขณะนี้ก็เย็นแล้ว เราได้เข้าพักที่โรงแรม 1 คืน ช่วงเย็น ๆ ก็แอบออกมาเดินเล่น ชม วิถีชีวิตของชาวตลาดชายแดนไทยเสียหน่อย และแล้วก็นึกขึ้นได้ ว่าบริเวณแม่สายนั้น มี วัดพระธาตุดอยเวา ด้วย ซึ่งวัดนี้ จะอยู่บนภูเขา และ สามารถมองเห็นทิวทัศน์ ของ แม่สาย และ ท่าขี้เหล็ก ได้โดยรอบ และ ยิ่งบ่ายๆ เย็นๆ แบบนี้ เราจะสามารถ ถ่ายรูปได้สวยงามยิ่งนัก ว่าแล้ว นั่ง มอเตอร์ไซค์ ไปเลย เพียง 20 บาทจากตลาด แม่สาย ก็สามารถขึ้นชมได้ทั่วถึง แถม เขายังรอรับเราอยู่ตลอดอีกด้วยครับ

  

องค์พระธาตุ และ อนุสรณ์แมงป่องช้าง

เมื่อขึ้นมาแล้วที่โดดเด่นที่สุดน่าจะเป็นรูปปั้น แมงป่อง ซึ่งเห็นทีแรกก็ยังไม่เข้าใจว่าเขาสร้างเพราะเหตุใด เมื่อสืบหาประวัติก็ได้ความว่า พระธาตุดอยเวานี้ เรียกตามพระนามของ ขุนควักเวา หรือ พระองค์เวา กษัตริย์ องค์ที่ 10 ของ ราชวงศ์ สิงหนวัติ แห่งนครนาคพันธุ์ (เมืองเชียงแสนโบราณ) เหตุที่สร้างแมงป่องช้างนั้น เพราะคำว่า เวา แปลว่า แมงป่องช้างนั่นเอง

วิวสวยๆของฝั่งท่าขี้เหล็ก เมื่อมองจากหอชมวิว ของวัด พระธาตุดอยเวา

รุ่งเช้า ผมก็เดินทางเข้าสู่ประเทศพม่า ทางด่านท่าขี้เหล็ก จากนี้อีก 5 วันจะเป็นการเริ่มต้นเส้นทางอารยธรรมไตลื้อ แล้วครับ สภาพเส้นทางปัจจุบันเป็นถนนราดยาง 2 เลน ซึ่งนับว่าดีมากแล้ว รถของเราซึ่งเป็นรถโค้ช จากเชียงใหม่ของไทยก็พาเราเดินทางไปเรื่อย ๆ ผ่านด่านตรวจต่าง ๆ ผมแวะที่พักที่เมืองพยาก แล้วเดินทางต่อไป ผ่านดอยเหมย และหมู่บ้านดอยเหมย ดอยเหมยนี้เป็นดอยสูงและมีหมอกปกคลุมตลอดทั้งปี ระหว่างทางจะเป็นเทือกเขาสลับซับซ้อน มีทิวทัศน์สวยงามมาก ข้างทางบางช่วงจะมีแม่น้ำต้าปิ้ง ไหลขนาบข้าง ลองนึกภาพดูซิครับ สวยงามเพียงใด

 

ถนนเล็กหน่อยแต่สภาพดี และ โรงเรียนของชาวไทยใหญ่

  

เส้นทางบริเวณเมืองพยาก บ้านไทยลื้อ และ แม่น้ำต้าปิ้งข้างทางซึ่งมีดอยเหมย เป็นฉากหลัง

ผมเดินทางจนถึงเมืองเชียงตุง และแวะรับประทานอาหารกลางวันที่นี่ เนื่องจากต้องเดินทางมาเที่ยวเชียงตุง ในวันกลับ จึงยังไม่เที่ยวในวันนี้ ผมเดินทางต่อไปเรื่อย ๆ เส้นทางเริ่มชันมากขึ้น สูงขึ้นและทิวทัศน์ ก็ยิ่งสวยมากขึ้นด้วย ตามข้างทางมีหมู่บ้านไทยลื้อ ไทยใหญ่ เป็นระยะ เด็กๆโบกมือ ทักทายให้รถของเรา พร้อม กับรอยยิ้ม ที่เปี่ยมด้วยมิตรไมตรี จุดหมายปลายทางของผมวันนี้อยู่ที่ เมืองลา เมืองเล็กๆ กลางหุบเขา แถบๆ ชายแดน พม่า และ จีน

 

บ้านไทยลื้อ สร้างด้วยอิฐ ดูน่ารักดี และ ทิวทัศน์ข้างทาง เห็นดอยเหมยเป็นทิวเขายาวเหยียด

ตลอดข้างทางนั้น จะมีลักษณะเป็น หุบเหว หรือที่เรียกๆกันว่า ซ้ายผา ขวาเหว นั่นแหละครับ แต่ไม่น่ากลัวนะครับ กลับกลายเป็นสวยงามเสียอีก ผมจึงเพลินกับการ ชมขุนเขาและ ชีวิตของชาวบ้านไปตลอดทาง สบายใจเลยครับ วันนี้นั่งรถมานานแล้ว แต่ก็ไม่รู่สึกเบื่อ ผมเคยได้พูดคุย กับนักท่องเที่ยวบางท่านที่ชื่นชอบการเดินทางโดย เครื่องบิน เพราะว่า รวดเร็ว และ สะดวก แต่สำหรับผมเองนั้น การท่องเที่ยวของผมมีความหมายกว่านั้น เพราะ ตลอดระยะทาง เราจะได้เห็น ชีวิตความเป็นอยู่ สภาพธรรมชาติ และ อีกหลายๆ อย่าง ผมจึงรักการท่องเที่ยว โดยรถมากที่สุด ถึงจะใช้เวลานานก็ตามที

ในที่ เวลา 5 โมงเย็นผมก็มาถึงเมืองลา เขตปกครองพิเศษที่ 4 ของพม่า ที่นี่คือเมืองคาสิโนกลางหุบเขา เหตุที่เรียกว่าเขตปกครองพิเศษเพราะ ตั้งอยู่ในเขตพม่า แต่ใช้สกุลเงินจีน ภาษาจีน และคนส่วนใหญ่ยังเป็นคนจีนเสียด้วย เมื่อเก็บสัมภาระเข้าที่พัก ( 4 ดาวซึ่งไม่น่าเชื่อว่าจะมีอยู่กลางหุบเขานี้ ) เรียบร้อยก็ออกมาชมเมือง ในช่วงเย็นๆก่อนมืด เราจะเห็นคนที่นี่มีชีวิตผูกพันกับการพนัน ตามร้านค้าต่างๆ มีการตั้งวงเล่นการพนัน เรียกได้ว่า แทบทุกบ้านเลย ท่านใดไม่เห็นด้วยตนเองจะไม่เชื่อครับ เด็กๆ ต่างก็วิ่งเล่น อยู่รอบๆ โต๊ะ ที่พ่อ แม่ นั่งเล่นพนันกันอยู่ ผมสะเทือนใจอย่างบอกไม่ถูก แต่รู้ว่า ที่นี่ค่านิยมคือ การเล่นพนัน เป็นวิธีหาเงินที่ง่ายที่สุด ลองนึกภาพสิครับถ้า บ้านเราเมืองเรา มีบ่อน มีอิสระในการเล่นพนัน จะเป็นอย่างไร

เอ้า ในเมื่อมาเที่ยวเมืองเขาทั้งที ก็อย่าไปคิดมากเลยครับ ถือว่าเป็นประสบการณ์ และ ได้เปิดมุมมองใหม่ๆ ว่าแล้วคืนนี้รีบนอนเอาแรงไว้เที่ยวดีกว่า ราตรีสวัสดิ์ครับ

สะพาน สวยงามแบบ พม่า – ประยุกต์

ติ๊ด ๆๆๆ เสียงโทรศัพท์ จากทางโรงแรม ปลุกผมจากเตียงที่นุ่มๆ แหม ขออีกนิดก็ไม่ได้ เอ แต่ว่า วันนี้เราต้องตื่นแต่เช้า เพื่อไปเดินเที่ยวตลาดเช้าของที่นี่นั่นเอง ว่าแล้วก็รีบแต่งตัว คว้ากล้อง ออกไปด้วย ที่เมืองลานี้ ช่วงเช้ามีหมอกลงหนา และ อากาศเย็นสบายดี นั่งรถเพียง 5 – 10 นาทีก็มาถึง ตลาดเช้า เห็นคนเดินพลุกพล่านไปหมด ที่น่าสังเกต คือ คนสวมเสื้อเชิ๊ตสีขาว เต็มไปหมด ในที่สุดก็ต้องร้อง อ๋อ เพราะ คนเหล่านั้น คือพนักงานนับ ชิป ในบ่อนนั่นเองบรรยากาศตลาดเช้า เหมือนๆบ้านเรา คึกคักพอสมควร มีขายทั้ง ของสด และ ของแห้ง ผมเองก็เดินชมอย่างเดียวครับเพราะ ไม่รู้จะซื้ออะไร แต่ที่ผมเห็นแล้ว ไม่ชอบเลยก็คือ ที่นี่ยัง อนุญาติให้มีการล่า สัตว์ป่าขาย ในตลาดนี้ จึงมีทุกอย่าง เก้ง กวาง อุ้งตีนหมี ฯลฯ น่าสงสารสัตว์เหล่านี้มากเลยครับ บางตัวก็ยังมีชีวิตอยู่ด้วยซ้ำ

  

บรรยากาศ คึกครื้นในตลาดเช้า หากใครอยากซื้อของขอแนะนำ ผลไม้พวก สาลี่ และ ลูกท้อ

 

บ่อนคาสิโน และ ขวดโหลยาดอง เป็นสิ่งที่พบเห็นง่ายที่สุดในเมืองนี้

หลังจากสนุกสนานกับการเดินตลาดแล้ว ผมก็เดินทางต่อไปยังวัดพระธาตุ จินตะ ซึ่งอยูใกล้ๆตัวเมืองลา นิดเดียวเอง

วัดพระธาตุจินตะ นี้มีเจดีย์ทองขนาดใหญ่ ซึ่งภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุเอาไว้ และยังมี แบบจำลองของ พระธาตุและ เจดีย์ รวมถึงพุทธสถานต่างๆที่สำคัญของ พม่าเอาไว้ด้วย ตัววัดตั้งอยู่บน ภูเขาซึ่งมีสถาปัตยกรรม แบบพม่า สามารถมองเห็น ตัวเจดีย์ แต่ไกลจากในเมือง เมื่อเดินทางขึ้นไปชมแล้ว เราสามารถมองเห็นทิวทัศน์ ได้ทั้งเมืองเลยครับ สวยงามมากเลย ยิ่งยามเช้าๆแบบนี้ หมอกลงได้ที่ยิ่งสวยครับ

พระธาตุจินตะ มองเห็นแต่ไกลจากในเมืองดูโดดเด่นดีครับ

จุดชมวิวของวัด มองเห็นเมืองลา ทั้งเมือง

อีกสิ่งหนึ่งที่แปลกไปจากวัดในบ้านเราคือ พระพุทธรูปยืนชี้นิ้ว ไปทางตัวเมือง เนื่องจากเขามีความเชื่อกันว่า หาก สร้างพระพุทธรูปชี้นิ้วไปทางเมืองใดเมืองนั้น จะเจริญ รุ่งเรือง ซึ่งพระพุทธรูปนี้ ได้ลอกเลียนมาจากที่เชียงตุง อีกทีครับ

 

พระพุทธรูปยืนชี้นิ้ว และ บริเวณหน้าพระธาตุ

นอกจากนั้นรอบๆองค์พระธาตุยังมีภาพเขียนสี บอกเล่าเรื่องราว พุทธประวัติอีกด้วย เมื่อดูดีๆแล้ว ศิลปะบางส่วน ก็คล้ายๆ กับของไทยเหมือนกัน

 

แบบจำลอง พระธาตุ และ พุทธสถานที่สำคัญใน พม่า

ถึงจะเป็นพระธาตุที่ไม่ใหญ่โตหรือ มีชื่อ มากนักแต่ก็สวยน่าดู

นอกจากนั้น ใกล้ๆบริเวณวัด ยังมีพิพิธภัณฑ์ ยาเสพติด ซึ่งน่าสนใจพอสมควร พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นอาคาร 2 ชั้น ทาสี ชมพู ทั้งหลัง ดูเด่นแต่ไกล ภายในจัดแสดง เรื่องราว ความป็นมา และ โทษของยาเสพติด จำพวกฝิ่น และ อื่นๆ แต่เดิมบริเวณเมืองลาแห่งนี้ ชาวบ้าน และชาวเขานิยม ปลูกฝิ่น และ ทำไร่ฝิ่น กันมาก จนกระทั่ง รัฐบาลได้ออกกฏหมาย ห้าม ปลูกฝิ่น และ กวาดล้าง ผู้ที่กระทำผิดกฏหมาย ประชาชนจึงเลือกปลูกฝิ่น แต่ก็เกิดการ ว่างงาน และ ขาดรายได้ อย่างมาก รัฐบาล จึงอนุญาติ ให้ ชาวบ้าน ชาวเขา สามารถ ล่าสัตว์ป่า หาของป่ามาขายได้ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำไมในตลาดจึงมีของป่าเต็มไปหมด

  

ภายในพิพิธภัณฑ์ และ ยาบ้า พร้อมอุปกรณ์ ทำเม็ดยาบ้า

ขุน ส่าห์ คนใส่เสื้อแจ๊คเกตสีดำ ขณะ มอบอาวุธสนับสนุนกำลังทหาร พม่า

ตัวอาคารสีสันสดใส

เป็นอย่างไรบ้างครับ สำหรับเมืองลา น่าเที่ยวไหมครับ วันนี้ ผมต้องเดินทางต่อสู่ เชียงรุ่งแล้ว อย่างไรก็ตาม ผมต้องทำพิธีตรวจคนเข้าเมืองที่ ด่าน ต้าลั๊วะ ซึ่งธรรมดาแล้ว ด่านนี้ยงัไม่เปิดเป็นทางการคนไทยจึงไม่สามารถ ผ่านได้ แต่ทางคณะของเราได้ทำเรื่องของที่คุนหมิง เรียบร้อยแล้ว จึงสามารถเดินทางเข้าประเทศจีน ทางด่านนี้ได้ แต่ก็ใช้เวลานานพอสมควร เนื่องจาก เจ้าหน้าที่ด่านนี้เข้มงวดมาก

สำหรับวันนี้ผมขอลาไปทำเรื่องผ่านแดนให้เสร็จก่อนครับ แล้วพบกัน ที่เชียงรุ่งนะครับ สวัสดีครับ

อ่านสกู๊ปเชียงรุ่ง กันหลั่นป้า ได้ที่นี่

อ่านสกู๊ป เชียงตุง ได้ที่นี่