>เกาะเกร็ด

   
ภาพที่นักท่องเที่ยวเห็นเมื่อเวลามาถึงเกาะเกร็ด คือเจดีย์มุเตา

  สวัสดีครับทุกๆท่านวันนี้ ผมจะพาทุกท่านมาเที่ยวใกล้ๆเมืองกันหน่อยนะครับ แถมที่ๆจะไปนั้น เป็นเกาะเสียด้วย ตอนนี้   หลายๆท่านคงนึกถึง จ. อยุธยา ใช่ไหมครับ เปล่าเลยครับ ผมจะชวนท่านไปเที่ยวยัง เกาะ เกร็ด ครับ

   เกาะเกร็ด นั้น อยู่ในจ. นนทบุรี วึ่ง นับว่าเป็นจังหวัดที่ใกล้ และ มีอาณาเขตติดกับ กรุงเทพฯ มากที่สุด นอกจากนั้น ยังถือว่า    มีผู้คนอาศัยอยู่ไม่น้อย และ มีความเจริญไม่แพ้กรุงเทพ

  ผมตื่นแต่เช้าตรู่ เพื่อเดินทางสู่ เกาะเกร็ด เตรียมตัวอย่างเรียบร้อย ถึงแม้ว่าจะเป็น สถานที่เที่ยวใกล้ตัวเมืองแต่ก็น่าตื่นเต้น ไม่ใช่น้อย   เพราะไม่ได้มาเยือนที่นี่ นานเสียเหลือเกิน

  เกาะเกร็ดมีสถานที่ท่องเทียวที่โดดเด่นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นวัดวาอาราม หรือจะล่องเรือจากแม่น้ำเจ้าพระยาสู่   คลองสวนผลไม้และคลองขนมหวานเกาะเกร็ดอดีตเป็นชุมชนชาวมอญซึ่งอพยพมาในสมัยอยุธยาตอนปลาย มี 2 ช่วงด้วยกัน คือ   ช่วงอยุธยาตอนปลาย และ ช่วงพระเจ้ากรุงธนบุรี เมื่อผมมาถึง เกาะเกร็ด แล้ว จะเห็น เจดีย์ มุเตา ซึ่งเป็นเจดีย์ ศิลปะแบบพม่า   ตั้งอยู่บริเวณ หัวแหลม ของเกาะเกร็ด ซึ่ง นับว่าเป็นสัญลักษณ์ของเกาะเกร็ดเลยก็ว่าได้

พระเจดีย์ มุเตา ตั้งอยู่หัวแหลมของเกาะเกร็ด

  พระเจดีย์มุเตานั้น ตั้งอยู่ในวัด ปรมัยยิกาวาส ซึ่งนับเป็นสถานที่สำคัญ เป็นวัดมอญวัดหนึ่งบนเกาะนี้ นอกจากจะมี เจดีย์ มุเตา แล้ว   ยังมีเจดีย์ อีกหนึ่ง องค์ ที่น่าสนใจคือ พระมหารามัญเจดีย์ ซึ่ง รัชกาลที่ 5 ทรงให้สร้างขึ้นเป็นเจดีย์แบบรามัญ องค์เจดีย์มีสีขาว ซึ่ง   ตั้งอยู่หลัง พระอุโบสถ ภายในองค์เจดีย์ นั้น จะประดิษฐาน พระบรมสารีริกธาตุ เอาไว้ด้วย ซึ่ง เป็น พระบรมสารีริกธาตุที่อัญเชิญมาจาก   ประเทศอินเดีย

พระมหารามัญเจดีย์ เจดีย์องค์ใหญ่ศิลปะรามัญที่สวยงาม

  นอกจากสิ่งน่าสนใจทั้งสองแล้ว ทางวัดยังมีพิพิธภัณฑ์ ให้เราได้ชมอีกด้วยซึ่งจะเป็นตึก 2 ชั้น ชั้นล่างจัดโชว์ เครื่องปั้นดินเผา ต่างๆ ซึ่ง   เป็นเอกลักษณ์ของชาวมอญ ส่วนในชั้นบน จัดแสดงสิ่งของที่พบในบริเวณวัด ในอดีต มีทั้ง ธนบัตร และ ข้าวของเครื่องใช้มากมาย

  วัดปรมัยยิกาวาส นั้น แต่เดิม ชื่อวัดปากอ่าว เนื่องมาจากสถานที่นั้นตั้งอยู่บริเวณปากแม่น้ำเจ้าพระยาวัดนี้ ชาวมอญเรียกว่า   เพียะมุเกี๊ยะเติ้ง สร้างขึ้นในสมัยอยุธยา แต่ได้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบ ในสมัย ของ สมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ซึ่ง   ส่งผลให้วัดนี้ได้มี สถาปัตยกรรม แบบ ตะวันตก เข้ามาผสมผสาน บริเวณหน้าบันของ พระอุโบสถนั้น จะทำเป็นรูปตราพระเกี้ยว   ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ ประจำของรัชกาลที่ 5 ภายในพระอุโบสถ นั้น พระประธานที่ประดิษฐานอยู่ หล่อขึ้นในสมัย รัชกาลที่ 5 เช่นกัน และ   ยังนับเป็นพระประจำองค์ของท่านด้วย ภายในพระอุโบสถ มีภาพเขียน จิตรกรรมฝาผนัง ที่มีเรื่องราวธุดงค์ 13   และพุทธประวัติที่น่าศึกษา

  วิหารพระพุทธไสยาสน์ ภายในมีพุทธไสยาสน์ ที่สร้างขึ้นโดยพระสุธาจารย์ เจ้าอาวาสรูปแรก มีขนาดไม่ใหญ่โตเท่าไรนัก   ทางด้านหลังของ วิหารนั้น มีพระพุทธรูปที่ ชื่อว่า นนทมุนินท์ เป็นพระพุทธรูป ปางสมาธิ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปประจำจังหวัดนนทบุรี   ส่วนด้านหน้าวิหารมีพระพุทธรูปหินอ่อนสีขาวปางมารวิชัย แบบรามัญ

พระพุทธนนทมุนินท์ พระพุทธรูปประจำจังหวัด นนทบุรี

  จากการเดินท่องจนทั่ววัดแล้ว คราวนี้ผมก็ เดินทางต่อไป เพื่อไปลงเรือ ล่องตามคูคลองบ้างครับ เหตุที่เกาะเกร็ดมีคลองที่   สามารถล่องเรือเที่ยวชมได้ด้วย ยิ่งทำให้น่าสนใจเข้าไปใหญ่เลยครับ สำหรับคลองที่มีชื่อ และ ผม จะไปล่องเรือในวันนี้ คือ   คลองขนมหวานครับ บางท่านได้ยินชื่ออาจสงสัย ว่าทำไม่ถึงชื่อแปลกๆ ที่จริงเดิมคลองนี้ชื่อ คลองบางบัวทอง ที่เรียกชื่อ   นี้เพราะชาวบ้านริมคลองมีอาชีพเสริมทำขนมขายหลายอย่าง อาทิเช่น ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง ขนมชั้น และอีกมากมาย   สามารถเลือกซื้อเป็นของฝากได้ จะขอแนะนำร้านป้าแอ๋ว   ซึ่งเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมแวะมารับประทานอาหารกลางวันที่นี่เพราะมีอาหารให้เลือกมากมาย สะอาด สะดวกสบาย   และยังมีของฝากให้เลือกซื้อกลับบ้าน นับว่าครบเครื่องเลยครับ ทั้งกินเที่ยว แถมได้ของฝากติดไม้ติดมือกลับไปอีก

  ผมนั่งเรือล่องชมทัศนีภาพ และ วิถีชีวิตของชาวบ้าน สองฝั่งคลองไปเรื่อยๆ ลมเย็นๆ พัดผ่านมา สบายตัวเสียเหลือเกิน   การล่องเรือนั้นใช้ระยะเวลา ประมาณ 2ชั่วโมง โดยประมาณครับ

เรือลำเก่ง ที่พาผม ชมวิถีชีวิตชาวบ้าน สองฟากน้ำ เป็นอีกหนึ่ง รายได้ของชาวบ้านจากการท่องเที่ยว

  เมื่อเรือพาผมล่องกินบรรยากาศ จนจบรายการ ผมก็ลงเรือ แล้วเดินเที่ยวชมสินค้า ขึ้นชื่อ ของเกาะเกร็ด ต่อครับ จะเป็นอะไรไปไม่ได้   นอกเสียจาก เครื่องปั้นดินเผา นั่นเอง เพราะ ชาวมอญ ที่เกาะเกร็ดนั้นมีความชำนิชำนาญ ในการปั้น ภาชนะจากดินเผาอย่างมาก เพราะ   ชาวมอญบนเกาะเกร็ดมีอาชีพหลักในการทำเครื่องปั้นดินเผาที่มีฝีมือในการแกะลวดลายและรูปทรงที่หลากหลายโดย มีแบบลายต่าง ๆ   ไม่ว่าจะเป็น โอ่ง แจกัน ตุ่ม ฯลฯ ซึ่ง เราก็สามารถเลือกซื้อหาไปใช้กันได้ ในราคาไม่สูง ผมเอง ก็ซื้อ หม้อ ไห ไปหลายใบ เพราะ   เอามาแต่งสวนที่บ้าน นับว่ายอดเยี่ยมเลยครับ จากนั้น ผมก็เดินสอดส่ายสายตา หาที่นั่งพักสบายๆ เสียหน่อย บรรยากาศริมน้ำแถบนี้   น่ารื่นรมย์ เสียจริงๆ กะว่าจะหาของดีของที่นี่ เข้าท้องเสียหน่อย เพราะ เกาะเกร็ดมีของดีหลายอย่างครับ ไม่ว่าจะเป็น ข้าวแช่   ก๋วยเตี๋ยวเรือ ขนมจีนน้ำยา และที่แปลก คือ อาหารจากหน่อกะลา มีหลายเมนูให้เลือกไม่ว่าจะเป็น   หน่อกะลายำน้ำพริกเผาทอดมันหน่อกะลา ห่อหมกหน่อกะลา หรือ ต้มข่าไก่หน่อกะลา (ลักษณะของหน่อกะลา จะคล้ายต้นข่า   ซึ่งเชื่อว่ามีสรรพคุณทางยา แก้ร้อนใน ขับลม )

   ว่าแล้วก็พบร้านริมน้ำเล็กๆ มีโต๊ะตั้ง ให้เรานั่ง สบายๆ ที่พร้อมเสริฟเราด้วย ข้าวแช่ มาถึงที่นี่แล้วก็คงต้องลองสักหน่อยครับ เพราะ    อากาศร้อนๆแบบนี้ ก็คงต้องระบายร้อนกัน ด้วยข้าวแช่นี่หละ ดีไม่น้อย ซึ่ง ข้าวแช่เกาะเกร็ด ก็ไม่ทำให้ผิดหวังครับ นั่งเพลินๆ    เหลือบมองนาฬิกา ก็ได้เวลาเดินทางกลับเสียแล้ว เห็นทีต้องโบกมือลา เกาะเกร็ด เกาะน้อยๆ ที่แฝงด้วยสเน่ห์มากมายกลับบ้านเราเสียที    วันนี้ผมคงต้องลาไปก่อนนะครับ ท่านใดมีเวลาว่าง ก็อย่าลืม แวะไปท่องเที่ยวที่เกาะเกร็ด กันบ้าง ใกล้เมืองแค่นี้ไม่เคยไป อายเขาแย่    สวัสดีครับ