สวัสดีครับวันนี้ผมจะพาท่านเที่ยวใกล้ๆ เมืองสักสองวัน ไปยังสถานที่ๆ หลายๆท่านคงเคยได้ยินชื่อเสียง แต่ช่วงหลังนี้อาจเงียบๆไปบ้าง มาดูกันว่าผมจะพาไปที่ไหน
สวนผึ้ง คือชื่อ อำเภอ หนึ่งของราชบุรี ที่อยู่ใกล้ชายแดนไทย พม่า ที่มีบรรยากาศ สงบ ทิวทัศน์ สวยงาม และ หนาวเย็น ผมถึงกล้าจั่วหัวครับ ว่า เชียงใหม่ แห่ง ตะวันตก เพราะ สภาพอากาศที่นี่ คล้ายเชียงใหม่ จริงๆ
ผมเริ่มต้นเดินทางจากกรุงเทพฯ เวลาประมาณ 6.00 น. มุ่งหน้าสู่ อ.ดำเนินสะดวก เพื่อจะไปรับประทานอาหารเช้าที่ ตลาดน้ำดำเนินสะดวก ซึ่งก็ได้เดินทางมาที่นี่บ่อยครั้ง แต่ บรรยากาศ ของ ก๋วยเตี๋ยวเรือ ที่นี่ ก็ยังทำให้ผมหลงใหลได้อยู่ เสมอ เรียกได้ว่ามากิน บรรยากาศที่นี่ก็ว่าได้ มาถึง ตาดน้ำดำเนินสะดวก ก็เวลาประมาณ 7.30 น. ซึ่งกำลัง คึกคักได้ที่เลยครับ คลองดำเนินสะดวกนั้น เป็นคลองขุด ที่มีความยาวประมาณ 32 ก.ม. ด้วยกัน ซึ่ง เราสามารถ ล่องเรือไปเที่ยว ชมคลองและ สวนได้อีกด้วย ซึ่ง คูคลองแถบๆนี้ จะลัดเลาะถึงกันได้ทั้งหมด อย่างเช่นคลองโคกขาม ผมเคยกล่าวถึง นั่นเอง ท่านสามารถชมเรื่องราวของ คลองโคกขามได้ที่นี่
ตลาดน้ำดำเนินสะดวก ยังคงเหมือนเดิม ต่างกับเมื่อก่อนตรงที่ มีแต่นักท่องเที่ยวเท่านั้น
จากตลาดน้ำดำเนินสะดวก ผมก็เดินทางไปสู่ ตัวเมือง จ.ราชบุรี กันต่อ จุดหมายต่อจากนั้น คือ พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ จ.ราชบุรี ซึ่งที่นี่ก็ มีการจัดแสดง เรื่องราว และ โบราณวัตถุ ต่างๆที่พบในเขต จ.ราชบุรี และ จัดแสดง เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ เมืองราชบุรี ตั้งแต่สมัย ก่อนประวัติศาสตร์ จนถึง ปัจจุบัน จากนั้นผมก็เดินทางไปยัง วัดมหาธาตุวรมหาวิหาร ซึ่งก็อยู่ในเขตตัวเมืองเช่นกัน เมืองราชบุรี นั้น เริ่มมีความเป็นมาตั้งแต่ สมัยทวาราวดีแล้ว เป็นเมืองลูก ของ นครปฐม ศูนย์กลางของทวาราวดี แต่เดิม เมืองราชบุรีจะอยู่ที่ แถบบริเวณ บ้านคูบัว ต่อมาได้เกิดเมืองใหม่ขึ้นบริเวณ ตัวเมืองปัจจุบัน ซึ่งได้รับอิทธิพล ของ เขมร เข้ามา เมืองทวาราวดีก็เสื่อมลงไปเช่นกัน สิ่งที่โดดเด่นนั้น ก็คือ องค์พระปรางค์ วัดมหาธาตุ ที่มีรูปแบบมาจาก เขมร แต่ต่อมาได้รับการก่อสร้างใหม่ ในสมัย อยุธยาตอนต้น จึงมีรูปแบบเป็นลูกผสมอย่างที่เห็นในปัจจุบัน นั่นเอง
พระปรางค์ วัดหมาธาตุวรมหาวิหาร
องค์ปรางค์สามารถเดินขึ้นสู่เรือนธาตุได้ ทาง มณฑปด้านทิศตะวันออก ซึ่งภายในจะมีพระพุทธรูป ปางมารวิชัย ประดิษฐานอยู่ รายรอบนั้น จะมี ปรางค์ บริวารองค์เล็กลงมา อีก3องค์ด้วยกันที่หน้าบัน จะมีรูป จตุโลกบาล ( เทพประจำทิศทั้ง 4 ทิศ ) อยู่ คือ
ทิศเหนือ ท้าวกุเวร ทรง กระบือ
- ทิศใต้ พระยม ทรง สิงห์ หรือ หงส์
- ทิศตะวันออก พระอินทร์ ทรง ช้าง เอราวัณ
- ทิศตะวันตก พระวิรุณ หรือ พระพิรุณ ทรง นาค
เราสามารถเดินชมรอบๆ ระเบียงคดซึ่งมีพระพุทธรูป หินทราย สมัย ทวาราวดี จำนวนมาก ประดิษฐานอยู่ ได้ด้วย ที่วิหารหลวงของวัดนั้น ยังมีพระพุทธรูป ที่สำคัญอีก 2 องค์ด้วยกัน คือ พระมงคลบุรี และ พระสัมฤทธิ์ ซึ่ง พระมงคลบุรีจะหันพระพักตร์ ไปทางทิศ ตะวันออก ส่วนพระสัมฤทธิ์ หันพระพักตร์ ไปทางทิศตะวันตก เป็นที่เคารพนับถือของชาว ราชบุรีอย่างมาก
จากนั้นผมก็เดินทางไปยังเมืองโบราณ บ้านคูบัว ที่ซึ่งเป็นแหล่งโบราณสถาน สมัยทวาราวดี ซึ่งจุดที่ได้ทำการขุดแต่ง เรียบร้อยแล้ว และ สามารถชมได้สะดวกที่สุด จะอยู่ที่ วัดโขลงสุวรรณคีรี ซึ่ง จะมี โบราณสถาน ที่เป็นฐานสี่เหลี่ยม สันนิษฐานว่า ในอดีตจะมีรูปร่างเหมือน พระเจดีย์ จุลประโทน ที่นครปฐม นั่นเอง
พอตกบ่ายหลังจากที่ อาหารกลางวันลงไปในท้องเรียบร้อย ผมก็เดินทางไปสู่ถ้ำเขาบิน ซึ่ง ปัจจุบันได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทำให้นักท่องเที่ยว มาที่นี่อย่างไม่ขาดสาย ภายในถ้ำนั้นมีห้องโถงใหญ่มากมาย แต่ที่น่าสนใจ และ เป็นที่มาของชื่อถ้ำนี้ คือห้องเกือบท้ายสุด นั่นคือ หินรูปร่างคล้ายนกกำลัง บิน ขนาดใหญ่ นั่นเอง
![]()
![]()
จากนั้น ผมก็เดินทางเข้าสู่ อ.สวนผึ้ง เพื่อจะเข้าที่พัก ที่อำเภอสวนผึ้ง ที่ไร่อุษาวดี ผมได้มีโอกาส ถ่ายภาพดอกไม้ต่างๆได้อย่างเต็มอิ่ม นอกจากนั้น อากาศ ที่นี่ยังเย็นสบาย เสียจนแทบไม่น่าเชื่อว่า จะอยู่ที่ ราชบุรี มองออกไปไม่ไกลนัก แลเห็นเทือกเขา ตระนาวศรี ทอดตัวยาว ลงมา เป็นทิวทัศน์ ที่สวยงามไปอีกแบบหนึ่ง ผมปล่อยตัว สบายๆ ไปกับอากาศ เย็นๆ และกลิ่นดอกไม้หอมสดชื่น ที่นี่ ที่พัก จะเรียบง่ายและเป็นธรรมชาติ แต่ยังคงไว้ซึ่งความสะดวกสบาย ขั้นพื้นฐาน ซึ่งนับเป็น คอนเซ็ปต์ ของที่นี่ ยามค่ำคืน ยังได้ ชมดาวเต็มฟ้า อีกต่างหาก
รุ่งเช้า ผมได้ข้าวต้มเห็ดหอม ช่วยแก้หนาว ที่นี่เขามีฟาร์มเห็ดด้วย ทั้ง เห็ดหอม เห็ดญี่ปุ่น ฯลฯ จากนั้น ผมก็เดินทางต่อ ไปยัง อุทยานธรรมชาติวิทยา ที่ซึ่งสมเด็จพระเทพฯ ได้ดำหริให้จัดตั้งขึ้น ผมได้รับความรู้เกี่ยวพรรณไม้ และ สัตว์ ป่าต่างๆในบริเวณนี้ เป็นอย่างดี จากเจ้าหน้าที่ จากนั้น ก็เดินทางเดินเท้า ศึกษา ธรมชาติ ระยะประมาณ 1 กิโลเมตรด้วยกัน เพลิดเพลินใจไม่น้อย มาสุดทาง แล้วออกมายัง ธารน้ำร้อนบ่อคลึง ซึ่ง เป็นธารน้ำร้อนของเอกชน เราสามารถลงเล่นน้ำ ซึ่งมีความร้อนกำลังดี ผมนั่งแช่เท้า เพลินๆ สบายดีขึ้นเยอะเลยครับ
ธารน้ำร้อนบ่อคลึง
หลังจากผ่อนคลายอริยาบถที่ ธารน้ำร้อนบ่อคลึง แล้ว ผมก็ เดินทางกลับเข้าสู่ตัวเมือง ผมได้แวะเยี่ยมชม โรงงานปั้นโอ่ง รัตนโกสินทร์ ซึ่ง เป็นโรงงานปั้นโอ่งที่มีชื่อเสียง และมีขนาดใหญ่ เปิดให้เราได้เข้าชม กรรมวิธี ทำโอ่ง ทุกขั้นตอน ผมเองก็มิได้เพียงแต่ชมครับ ก็ยังซื้อติดไม้ติดมือมาด้วย เพราะ ที่นี่เขามี ทั้ง โอ่งลายมังกร และยังมี โอ่งที่ออกแบบสวยงาม ไว้ตกแต่งบ้านได้อีกด้วย
![]()
กรรมวิธีปั้นโอ่ง และ การเขียนลายเบญจรงค์
![]()
หลังจาปั้นเสร็จแล้ว ก็ลงสี และนำมาจัดเก็บครับ
เมื่อชมการปั้นโอ่งแล้ว ก็เดินทางกลับสู่กรุงเทพฯ เพราะวันรุ่งขึ้นต้องทำงานต่อ จึงเป็นการดีนัก ที่เราจะถึงไม่ดึกมากนัก ก็นับว่าเป็นการท่องเที่ยว แบบใช้เวลาน้อยสักนิด แต่คุ้มค่า แถมยังได้ครบทุกรส อีกด้วย วันนี้ผมคงต้องลาไปก่อนนะครับเอาไว้ผมจะพาท่านเที่ยวใกล้ๆ เมืองใช้เวลาน้อยๆ กันอีก สวัสดีครับ