ลัดฟ้านิดเดียวเที่ยวอุบลฯ

ความตั้งใจคราวนี้ อยากใช้เวลาที่จังหวัดอุบลราชธานีให้เต็มที่สักหน่อย จึงตัดสินใจเหิรฟ้าแต่เช้าตรู่ พอเครื่องลงสนามบินอุบลฯ รถก็มาจอดรอรับเราแล้ว มิทำให้ต้องเสียเวลารอเลย เรื่องเตรียมการดี ต้องยกนิ้วให้พี่สาวคนเก่งของเรา จะไปไหนทีจองรถจองโรงแรมไว้ล่วงหน้ามิให้เป็นกังวลหรือขลุกขลักภายหลัง ที่สำคัญจองก่อนคุมค่าใช้จ่ายตามงบประมาณได้ ดีกว่าไปหารถหาที่พักเอาข้างหน้าซึ่งส่วนใหญ่แพงกว่าและเสียเวลา เช้า ๆ อย่างนี้พนักงานขับรถช่างรู้ใจเหลือเกิน มาอุบลฯแล้วจะให้พลาดไข่กะทะ,ต้มเส้น ได้อย่างไร เพราะอุบลราชธานีเปรียบเสมือนประตูสู่อินโดจีน ด้านหนึ่งติดสปป.ลาว อีกด้านหนึ่งติดกัมพูชา และมีเส้นทางต่อไปเวียดนาม บริเวณชายแดนที่ “ช่องบก” จึงได้รับการขนานนามว่า”สามเหลี่ยมมรกต”

คือดินแดนเชื่อมกันของสามประเทศมี ไทย ลาว กัมพูชา เราเริ่มเดินทางสู่อุทยานแห่งชาติภูจองนายอย

ใช้เวลาเพียงชั่วโมงกว่าก็ได้สัมผัสธรรมชาติป่าเขาของอุทยานฯ ที่มาของชื่อภูจอง คือที่นี่มีต้นจองขึ้นมาก ต้นจองก็คือต้นสำรองนั่นเอง จากปากทางที่ทำการอุทยานฯ ขับรถเข้าไปเพื่อชมน้ำตก สองข้างทางเป็นสวนหินพลานยาวมีกลุ่มหินขนาดใหญ่รูปร่างแปลกตากระจัดกระจายอยู่ทั่วไป เจ้าหน้าที่บอกว่าบริเวณนี้ คือโรงแรมล้านดาว เล่นเอาเรางง! แล้วก็ถึงบางอ้อ โถโรงแรมล้านดาวที่เจ้าหน้าที่อุทยานฯกล่าวก็คือ นอนดูดาวนับล้านดวงในความมืดสนิท แสงดาวสุกสว่างสวยงาม เพลินกับเสียงจักจั่นเรไรขับกล่อม ช่างโรแมนติกเสียนี่กระไร

แล้วก็มาถึงลานจอดรถ เดินลงไปชมน้ำตกห้วยหลวง หรือที่ชาวบ้านเรียกน้ำตกบักเตว

สายน้ำตกทิ้งตัวลงมาจากผาสูง ฤดูกาลที่เหมาะชมน้ำตกคือฤดูฝนนี่แหละสวยจริง ๆ พฤกษาพันธุ์ไม้ดูสดชื่นเขียวชอุ่ม ใบไม้ที่โดนสายน้ำตกกระเซ็นใส่ก็พริ้วไหวเหมือนใบไม้เต้นระบำ ทำให้เราอยากเต้นระบำไปด้วย (ถ้าไม่อายเจ้าหน้าที่ฯ นะ) เราใช้เวลาดื่มด่ำกับธรรมชาติที่นี่พอสมควรก่อนเดินทางสู่โขงเจียม ได้เวลาอาหารกลางวันกับเมนูปลาในบรรยากาศริมแม่น้ำโขง เล่นเอาอิ่มแปล้ไปเลยบวกกับมีลมโชยมาเอื่อย ๆ ชวนให้งีบเสียนี่ ไม่ได้การแล้วเดี๋ยวหลับจริง ๆ นักท่องเที่ยวมืออาชีพอย่างพวกเราจะปล่อยเวลาผ่านเลยไปได้อย่างไร ว่าแล้วก็ชวนกันลงเรือที่ชาวบ้านจอดคอยนักท่องเที่ยว ล่องชมสองฟากฝั่งแม่น้ำโขง จุดหมายเราคือ

แม่น้ำสองสีที่ได้รับการเปรียบเปรยว่า “โขงสีปูน มูลสีคราม” บ่าย ๆ อย่างนี้ดีนักแลแสงตะวันสาดส่องแม่น้ำโขง

และแม่น้ำมูลสองสายน้ำที่บรรจบกันเป็นสองสีอย่างเห็นได้ชัด แล้วเรือก็บ่ายหน้ากลับ พอขึ้นจากเรือเรามุ่งหน้าสู่

อุทยานแห่งชาติผาแต้ม บนเส้นทางเข้าอุทยานฯ มีกลุ่มหินธรรมชาติขนาดใหญ่สวยงามแปลกตากระจัดกระจาย

เป็นระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตรด้วยพลังธรรมชาติของลมและน้ำบวกกับเวลานับล้านปีจึงทำให้เกิดปรากฏการณ์ ธรรมชาติของกลุ่มหินในบริเวณนี้ที่ถูกเรียกว่าเสาเฉลียง เมื่อถึงผาแต้มเรายืนชมธรรมชาติอันกว้างไกลบนหน้าผาสูงชัน มองเห็นแผ่นดินประเทศลาวโดยมีแม่น้ำโขงเป็นเส้นกั้นพรมแดน แล้วเดินเลาะตามทางเดินสู่ด้านล่าง ตามผนังหน้าผามีภาพเขียนสียุคก่อนประวัติศาสตร์มีระยะทาง 500 เมตร สันนิษฐานว่าภาพเขียนสีเหล่านี้มีอายุกว่าสามพันปี ผาแต้มจึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญทั้งทางประวัติศาสตร์ และทางธรรมชาติ ตะวันเริ่มคล้อยต่ำชิดขอบฟ้า ความเหนื่อยล้ากำลังถามหาที่พักเพื่อผ่อนคลายซึ่งเราได้จองที่พักไว้แล้วจึงไม่หนักใจ การเดินทางแม้ยาวไกลสักเท่าไร ต้องเหน็ดเหนื่อยเพียงใดหากเตรียมการดีทุกสิ่งนั้นดูราบรื่น เช้าวันรุ่งขึ้นจุดหมายแรกของเราคือ สามพันโบก เป็นแก่งหินริมแม่น้ำโขง ที่มีความสวยงามอย่างน่ามหัศจรรย์ด้วยหลุมกุมภลักษณ์ทั้งเล็กและใหญ่มากมายนับพัน ๆ หลุม

จึงได้ชื่อว่า สามพันโบก คำว่าโบก ภาษาท้องถิ่นแปลว่า หลุม การมาเที่ยวจังหวัดอุบลราชธานีคราวนี้ สามพันโบก

ก็เป็นจุดหมายหลักของเรา เพราะถ้าเลยเดือนมิถุนายนแล้วจะเป็นช่วงน้ำหลากระดับน้ำจะสูงขึ้นจนท่วมบริเวณ สามพันโบก ฉะนั้นหากจะเที่ยวสามพันโบกต้องเที่ยวช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงมิถุนายน ทุกคนในคณะ ของเราต่างอุทานด้วยความตื่นเต้นเมื่อเห็นสามพันโบก ความงามที่ธรรมชาติสรรค์สร้างไม่ได้อยู่ไกล ที่ไหนเลยหากอยู่บนผืนแผ่นดินไทยของเรานี่เอง

จากสามพันโบกถึงน้ำตกแสงจันทร์หรืออีกชื่อหนึ่งเรียกน้ำตกลงรู

เป็นน้ำตกที่น่าชมอีกน้ำตกหนึ่ง สายน้ำที่ไหลลงผ่านรูอันเกิดจากหลุมกุมภลักษณ์ตกลงมายังแผ่นดินเบื้องล่างพร้อมกับ แสงอาทิตย์ที่สาดส่องช่วงเที่ยงวันผ่านรูตามม่านน้ำลงมาทำให้ดูสวยงามคล้ายแสงจันทร์ส่องสว่างเป็นความสวยงาม อีกมิติหนึ่งที่จินตนาการได้ จังหวัดอุบลราชธานีนอกจากมีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติน่าสนใจแล้ว สิ่งที่น่าสนใจด้านศิลปะวัฒนธรรมก็น่าสนใจเช่นกัน วัดในประเทศไทยหลายแห่งเป็นแหล่งรวบรวมศิลปะวัตถุ มีสถาปัตยกรรมตามภูมิภาคและวัฒนธรรมท้องถิ่น เป็นศูนย์รวมความสมัครสมานสามัคคีของชุมชน

เป็นที่สืบทอดและส่งผ่านตามรอยพุทธศาสนา วัดที่เราเข้าเยี่ยมชมในคราวนี้คือวัดภูเขาแก้ว มีความโดดเด่น

ที่ประดับด้วยกระเบื้องเคลือบทั้งหลัง ที่สำคัญภายในพระอุโบสถนำกระเบื้องดินเผามาตกแต่งเป็นภาพนูนสูง เกี่ยวกับพระธาตุที่สำคัญของประเทศไทยและประวัติของพระธาตุแต่ละองค์ ทำให้ได้ความรู้และได้สักการะพระธาตุ จำลองหลายองค์พร้อมกัน

เดินทางเข้าสู่ตัวเมืองชมวัดบูรพาราม ความสำคัญของวัดนี้คือเคยเป็นที่จำ

พรรษาของพระเกจิอาจารย์ชื่อดังทางวิปัสสนากรรมฐาน ได้แก่ พระอาจารย์มั่น ภูริทัตตะเถระ พระอาจารย์ลี ธัมมธโร พระอาจารย์สี ทาชยเสโน พระอาจารย์เสาว์ กันตสีโล และพระอาจารย์สิงห์ ขันตยคโม ซึ่งทางวัดได้ทำรูปเหมือนพระเกจิอาจารย์เหล่านี้ด้วยหินบริสุทธิ์จากแม่น้ำต่างๆ เพื่อเป็นที่สักการะของพุทธศาสนิกชน

มาเที่ยวจังหวัดอุบลราชธานีคราวนี้ตรงกับ เทศกาลแห่เทียนพรรษา พอดี เป็นประเพณีอันยิ่งใหญ่ที่สืบทอดกันมา

ค่ำคืนนี้เราจึงมาเดินชมความงดงามของต้นเทียนที่แต่ละชุมชนส่งเข้าประกวด ณ บริเวณทุ่งศรีเมือง แสงไฟที่สาดส่องยิ่งทำให้ต้นเทียนงามอร่ามเห็นลวดลายที่แกะสลักเสลาวิจิตรบรรจง ขบวนรถแห่เทียนต่างตกแต่งประดับประดาสวยงามอลังการล้วนแล้วมุ่งเน้นให้ผลงานออกมาเป็นความงามพุทธศิลป์ ที่แสดงให้เห็นถึงความพากเพียร ละเอียด อ่อนโยน และแทรกด้วยหลักธรรมมะ ในเมืองอุบลฯมีที่พักมากมาย หลายระดับให้เลือกและสะดวกสบาย โชคดีที่พี่สาวของเราได้จองมาแล้วเช่นกัน มิฉะนั้นแล้วช่วงเทศกาลงานประจำปี อันยิ่งใหญ่อย่างนี้เราคงจะหาที่พักไม่ได้แน่ วันสุดท้ายของการท่องเที่ยวเราออกไปเที่ยวนอกเมืองในระยะใกล้

สถานที่แรกที่ไปคือพิพิธภัณฑ์เปิดบ้านก้านเหลือง เป็นแหล่งโบราณคดีที่มีอายุระหว่าง 1,800 – 2,500 ปี

พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งแห่งนี้อยู่ในบริเวณวัดบ้านก้านเหลือง จัดแสดงโบราณวัตถุที่ขุดพบได้แก่ เครื่องปั้นดินเผา ลูกปัด เครื่องมือ เครื่องใช้ เครื่องประดับ บริเวณบ้านก้านเหลืองจึงเป็นอีกหลักฐานหนึ่งเช่นเดียวกับผาแต้ม ที่ชี้ชัดว่าดินแดนจังหวัดอุบลราชธานีเป็นแหล่งมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ ที่น่าสนใจ

ชมวัดบ้านนาเมือง

หรืออีกชื่อหนึ่งว่า วัดสระประสานสุข เริ่มตั้งแต่ทางเข้าวัดที่รู้สึกแปลกตาคือซุ้มประตูวัดเป็นรูปช้างเอราวัณขนาดใหญ่มาก เมื่อผ่านเข้าไปพระอุโบสถสร้างเป็นรูปเรือสุพรรณหงส์จำลอง มีฝีพายทั้งสองกราบเรือ รูปเรือประดับตกแต่งด้วยเซรามิค

วัดนี้จึงมีความสวยงามแปลกตาแก่ผู้ที่ได้มาเยือน จากนั้นเดินทางไปบ้านปะอาว เป็นหมู่บ้านเก่าแก่ที่อพยพ

มาจากเวียงจันทน์กว่า 200 ปีแล้ว หมู่บ้านนี้มีฝีมือในการทอผ้าไหมและการทำเครื่องทองเหลืองโดยใช้กรรมวิธีผลิต แบบโบราณที่สืบทอดกันมา จึงเป็นอาชีพสำคัญของทุกครัวเรือนในหมู่บ้านนี้ การได้มาสัมผัสถึงแหล่งผลิตในครัวเรือนและได้อุดหนุนสินค้านั้นนอกจากสร้างรายได้ให้ชาวบ้านแล้ว เรายังรู้สึกได้ว่าเขาเหล่านั้นมีรอยยิ้มที่เคลือบความภูมิใจในภูมิปัญญาอันเป็นเอกลักษณ์

ช่วงบ่ายชมวัดหนองป่าพง

เป็นวัดป่าที่หลวงปู่ชา (พระโพธิญาณเถร) ได้ทำการบุกเบิกให้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม มีบรรยากาศสงบร่มเย็น ในสภาพที่เป็นธรรมชาติ ภายในวัดมีพิพิธภัณฑ์พระโพธิญาณเถร (ชา สุภัทโท) จัดแสดงเครื่องอัฐบริขาร และหุ่นขี้ผึ้งของหลวงปู่ชา เราออกกำลังเดินไปสักการะรูปเหมือนและอัฐิของหลวงปู่ชาที่ประดิษฐานในเจดีย์ศรีโพธิญาณ องค์เจดีย์เป็นสีทองเหลืองอร่ามเด่นเป็นสง่าบนลานกว้าง

อีกวัดหนึ่งที่เราได้ชมคือวัดป่านานาชาติ เป็นวัดสาขาที่ 19

ของวัดหนองป่าพง มีความสงบรบรื่นและเป็นที่จำพรรษาของพระภิกษุชาวต่างประเทศเป็นจำนวนมากที่เลื่อมใส

ในพุทธศาสนา จากนั้นเราเตรียมตัวกลับด้วยการไปย่านสินค้าพื้นเมืองแหล่งของฝาก เพราะการท่องเที่ยวหาก

ไม่ได้ช้อปปิ้งเหมือนขาดอะไรไปสักอย่าง พอได้จับจ่ายก็รู้สึกสนุกขึ้นมาทันที นี่แหละอีกรสชาติหนึ่งของการท่องเที่ยว ว่าแล้วเราก็หยิบแหนม หมูยอ กุนเชียง ไส้กรอกอีสาน และเค็มหมากนัด ใส่ซะเต็มตะกร้าตามสัญญาที่ให้ไว้กับน้อง ๆ ที่ทำงาน ว่าจะซื้อของอร่อยไปฝาก แล้วพนักงานขับรถก็ไปส่งเราที่สนามบิน การเดินทางท่องเที่ยวอุบลฯในคราวนี้ ก็สมบูรณ์ด้วยดี ลัดฟ้านิดเดียวถึงกรุงเทพฯ

www.travelfortoday.com

บริการนำท่านลัดฟ้าสู่อุบลฯด้วย สายการบินไทย และ สายการบินนกแอร์ ในราคาสุดพิเศษ

และมีรถเช่าพร้อมพนักงานขับรถทุกเส้นทาง

หรือหากคุณต้องการในรูปแบบทัวร์ที่เน้นความสะดวกสบายไม่ว่าคณะคุณจะเล็กหรือใหญ่ยินดีให้บริการ นอกจากนี้มีที่พักในจังหวัดอุบลฯให้เลือกมากมายในราคาโปรโมชั่น ได้แก่

โรงแรมทอแสงอุบล , โรงแรมลายทอง , โรงแรมอุบลอินเตอร์เนชั่นแนล , โรงแรมเดอะราชธานี

, โรงแรมปทุมรัตน์ . ศรีอิสาณโฮเทล , กิจตรงดี วิลล์ รีสอร์ท แอนด์ โฮเทล
, ทอแสง โขงเจียม รีสอร์ท แอนด์ สปา และ เศรษฐปุระ โดยทอแสง

และขอแนะนำ”ชวนชมลาว” พบกับหลากหลายโปรแกรมที่จะพาคุณสัมผัสดินแดนลาวใต้ อย่างเจาะลึกประทับใจ