ก่อนอื่นคงต้องขอแสดงความเสียใจกับชาวบ้าน ที่พักอาศัยบริเวณตลาดบางพลีก่อนนะครับ ถือเป็นที่น่าเสียดายที่ประสบอัคคีภัย จนทำให้ ภาพที่งดงามเหล่านี้ต้องไปในชั่วข้ามคืน แต่ถึงกระนั้น ผมก็ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านร่วมแรงร่วมใจ สรรค์สร้าง ชุมชมที่สวยงามแห่งนี้
ให้ฟื้นคืนกลับมามั่งคั่งยิ่งๆขึ้นไปครับ
สำหรับตลาดโบราณบางพลี นี้มีความเป็นมาที่แสนยาวนาน กว่า 150 ปี หากท่านใดเคยมาเที่ยวชมก็คงจะเห็นป้าย ที่บอกเอาไว้พอสังเขป ว่าตลาดแห่งนี้มีอายุ กว่า 150 ปี แต่ก็คงไม่สามารถสรุปจุดเริ่มต้นที่แท้จริงได้ จึงกล่าวเพียงคร่าวๆว่า พ.ศ. 2400 นั่นเอง
แต่ถึงกระนั้น ความเก่าแก่ของตลาด ก็สามารถอ้างอิงได้จาก นิราศเมืองแกลง ของสุนทรภู่ ดังนี้
ถึงบางพลีมีเรือนอารามพระ ดูระกะดาษทางไปกลางทุ่ง เป็นเลนลุ่มลึกเหลวเพียงเอวพุง ต้องลากจูงจ้างควายอยู่รายเรียง ดูเรือแพแออัดอยู่ยัดเยียด เข้าเบียดเสียดแทรกกันสนั่นเสียง แจวจังกูดเกะกะปะกรรเชียง บ้างทุ่มเถียงโดนดุนกันวุ่นวาย จากนิราศข้างต้น เราจึงสามารถคาดเดาได้ว่า บริเวณบางพลีแห่งนี้นั้น ต้องเป็นชุมชนที่มีมาแต่เดิมในสมัยรัชกาลที่ 2 แล้ว สำหรับข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับที่มาของชื่อ บางพลี แห่งนี้ สันนิษฐานว่า เมื่อครั้งสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงยกทัพมาทางตะวันออก ทรงได้ประกาศหยุดทัพ ณ สถานที่แห่งหนึ่ง และทำการประหารทหารที่คิดคดต่อพระองค์ ก่อนทำพิธีพระองค์ทรงโปรดให้สร้างศาลเพียงตา พร้อมเครื่องเซ่นสังเวย และทรงอธิฐานให้พระองค์ มีชัยแก่อริราชศัตรูทั้งมวล ต่อมา สถานที่ซึ่งทำพิธีบวงสรวงนั้น จึงได้ชื่อว่า บางพลี
สำหรับตลาดบางพลีนั้น เป็นชุมชนเก่าแก่ที่ตั้งติดอยู่ริมน้ำ บริเวณ คลองสำโรง ซึ่งเป็นคลองที่เชื่อมต่อกับแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งเดิมคลองแห่งนี้ ถือเป็นเส้นทางค้าขาย เส้นหนึ่ง ที่มีเรือสัญจรไปมาตลอด นับตั้งแต่ บริเวณ ตำบลสำโรงเหนือ จ.สมุทรปราการ เรื่อยขึ้นไปจนถึง อ.บางพลี แต่เมื่อประมาณ ยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา มีการก่อสร้าง ประตูระบาย น้ำ และเขื่อนในบางช่วง จึงทำให้ เรือที่สัญจรค้าขาย ไม่สามารถเดิน เข้าออก จากเจ้าพระยาได้อีกต่อไป ภาพการค้าขาย ทางน้ำจึงหายไปโดยปริยาย คงเหลือเพียงแต่ ตลาดบางพลี ที่มีผู้คนเดินทางมา จับจ่ายใช้สอย กันจากทางบกเท่านั้น