” เซอรามัตดาตัง ” สวัสดีครับวันนี้ผมจะพาทุกท่านไปเที่ยว มาเลเซีย กันโดยการเดินทางของ ผมครั้งนี้ยาวนานกว่าทุกครั้ง ที่ผ่านมา เพราะใช้เวลาถึง 8 วันด้วยกัน ฟังดูเหมือนจะไปเที่ยว ยุโรปเลย แต่ไม่ใช่อะไรหรอกครับ เป็นเพราะเดินทางโดย รถไฟ ซึ่งใช้เวลา 2 วัน ( ไป และ กลับ) และ เที่ยวทั้งหมด 6 วัน พร้อมแล้วออกเดินทางกันเลยครับ
ช่วงบ่าย ผมออกเดินทางจาก สถานีรถไฟ หัวลำโพง ด้วยรถไฟด่วน พิเศษ กรุงเทพ – ชุมทางหาดใหญ่ ซึ่งจะถึงหาดใหญ่ วันพรุ่งนี้ ประมาณ หกโมงเช้า คืนนี้ก็นอนพักผ่อนเอาแรงก่อน เดี๋ยวนี้ รถไฟมีการปรับปรุงขึ้นมาก ภายในสะอาดดี แถมห้องน้ำ ยังสะดาดกว่าเดิมด้วย การบริการของพนักงาน สุภาพ และมีมารยาท กว่าแต่ก่อนมาก อาหารก็อร่อยขึ้นด้วย ผมรู้สึกดีครับ ที่เขาพยายามปรับปรุง ก่อนที่ความนิยมในการใช้รถไฟจะน้อยลงไปเรื่อยๆ เราเป็นประเทศแรกๆ ในเอเซีย นะครับ ที่มี รถไฟ อย่าให้ความนิยมในการใช้รถไฟลดลงเลยครับ
เช้าแล้ว อรุณสวัสดิ์ หาดใหญ่ ขณะนี้เวลาประมาณ 5.45 น. ใกล้จะถึงหาดใหญ่ แล้วครับ นอนหลับสบายกว่า บนเครื่องบินมากเลยครับ ถึงหาดใหญ่แล้วผมเปลี่ยนรถ เป็นรถตู้ เพื่อเดินทางสู่ มาเลเซีย โดยเดินทางเข้าทาง ด่าน สะเดา
ถึงด่านสะเดา ทำเรื่องผ่านแดนเรียบร้อย เริ่มเที่ยวกันเลย ที่หมายแรก ก็คือ ถ้ำเปรัค ครับ
ทางเข้าด้านปากถ้ำ ตกแต่งได้สวยงามดีครับ มองเห็นกระถางธูป และ ธูปขนาดใหญ่ ซึ่งทำลวดลาย สวยดี เมื่อเดินเข้าภายในถ้ำ จะพบกับ พระพุทธรูป องค์ใหญ่ และ มองเห็นภาพ จิตรกรรม ตามผนังถ้ำมากมาย แปลกตาดีครับ
ถ้ำเปรัค นี้ เมื่อเราเดินเข้าไปจะพบ ภาพเขียนสี ตามผนังถ้ำมากมาย เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับสุภาษิตจีน ต่าง ภายในถ้ำ มีพระพุทธรุป ต่างๆ และเจ้าแม่กวนอิม ส่วนด้านในสุดของถ้ำ จะมีทางเดินซึ่งสามารถเดินขึ้นสู่ยอดเขาได้ (เหนื่อยมาก) แต่น่าแปลกดีครับ เพราะ เป็นเพียงโพรงเล็กๆ ขึ้นไปเรื่อยๆ ตามบันได แล้ว ไปสิ้นสุดที่ยอดเขา ซึ่งด้านบน สามารถมองเห็น เมืองได้สวยงาม
จากถ้ำเปรัค แล้ว ผมก็ออกเดินทางต่อ สู่ คาเมรอน ไฮแลนด์ ดินแดนบนเทือกเขาสูง ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 3 ระดับชั้นด้วยกัน ไล่ลำดับตั้งแต่ ชั้นสูงที่สุดคือ บริงชาง , ทานาราตะ และ ริงเล็ต ซึ่งแต่ละชั้นของเทือกเขา จะมี ชุมชน อาศัยอยู่ ในค่ำคืนนี้ ผมจะพัก ที่ชั้นสุงที่สุด คือ บริงชาง เมื่อขึ้นไปบน คาเมรอน รู้สึกได้เลยว่าอากาศข้างบนนี้ เย็นสบายดีมาก เริ่มเที่ยวกันเลย
ที่ท่องเที่ยวบน คาเมรอนนี้ ก้จะมี แต่ สถานที่จำพวก ไร่ สวน เท่านั้น เริ่มจาก สวนผึ้ง วึ่งเค้ามีน้ำผึ้งขายกันด้วย แต่ผมว่าอันที่จริงแล้ว ผมกลัวผึ้งครับ เลยไม่ค่อยกล้าเข้าใกล้รังผึ้งสักเท่าไหร่ จากนั้น ผมก็ไปเที่ยว สวนสตอร์เบอร์รี่ และตามด้วย สวนดอกไม้ สำหรับผู้ที่ชื่นชอบดอกไม้ คงจะประทับใจแน่นอน เพราะที่นี่ ดอกไม้สีสัน สด มากๆครับ ถ่ายรูปออกมาสวยมากเลย เมื่อ ได้ชม สวนต่างๆเรียบร้อย ก็ เริ่มเย็นแล้ว เลยลงไปในเมือง บริงชาง เพื่อหา อาหารเย็น รับประทานสักหน่อย ที่นี่เขา นิยมรับประทาน สุกี้หม้อไฟ ครับ แต่ที่นี่เขาเรียกกันว่า สตรีมโบ๊ท ( stream boat ) คงเป็นเพราะอากาสที่หนาวเย็น เขาเลยนิยมรับประทานสุกี้กัน และอีกอย่างคือ มีพืชผักที่สดด้วยครับ วันนี้ อิ่มท้องแล้วเดินเล่น ในเมืองสักหน่อย แล้วค่อยเข้าที่พัก
ฟาร์มผึ้ง สวนสตอเบอร์รี่ และ สวนดอกไม้
บรรยากาศเมือง บริงชาง เล็กๆน่ารัก และ ลาดชัน คล้ายๆ สวิตเซอร์แลนด์
รุ่งเช้าวันที่สาม ผมตื่นขึ้นมารับอากาศบริสุทธิ์แต่เช้า วันนี้ เราจะเดินทางเข้าสู่เมืองหลวงกันแล้ว กัมลาลัมเปอร์นั่นเอง แต่เช้านี้ เรายังมีที่เที่ยวบน คาเมรอน อีกซึ่งถือเป็น อีกหนึ่งจุดเด่นของที่นี่เลย คือ ไร่ชา นั่นเอง
ไร่ชาที่นี่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา แถมยังมีชาและของที่ระลึกจำหน่ายด้วย หรือ ใคร จะนั่งจิบชากินบรรยากาศก็ได้ตามสะดวก
จากนั้นเดินทางลงจาก คาเมรอน ผ่าน ชั้น ทานาราตะ สู่ ริงเลต ซึ่ง ก็แวะเที่ยวน้ำตก ที่มีชื่อเสียงของคาเมรอน ด้วย คือน้ำตก อีสกานด้า นั่นเอง น้ำตก อีสกานด้า นี้จะอยู่ข้างถนนเลยครับ เราสามารถจอดรถ ลงเที่ยวได้เลย แต่ผมไม่ได้เล่นน้ำนะครับ เพราะยังเหลือ ที่เที่ยวที่ต้องไปต่ออีก ได้เพียงแต่ เดินชมและ สอดส่ายสายตาหาของกินเล่น ก้ได้พบ กล้วยแขก ครับมาถึงเมืองแขก ไม่ลองกินกล้วยแขกก็ยังไงอยู่ เอ้าลองสักหน่อย กล้วยแขกที่นี่ ใช้กล้วยป่าครับ หวีใหญ่มาก แภมรสชาติ อร่อยกว่าบ้านเรามาก เพราะ หวาน มัน กลมกล่อม น่าประทับใจครับ ท่านใดมาถึงที่นี่แล้วต้องลองครับ
น้ำตก อีสกานด้า
ลงจาก ริงเลต ผมเดินทางต่อสู่ ปุตราจายา หรือ เมืองใหม่นั่นเอง เมือง ปุตราจายา นี้จะอยู่เลย กัวลาลัมปอร์ ไปอีก ซึ่ง คำว่า จายา นี้ แปลว่าเมืองนั่นเอง ปุตราจายา นี้เป็นเมือง ที่ ดร. มหาธีย์ ได้ริเริ่มให้สร้างขึ้น ก็คงคล้ายๆ บ้านเราที่จะสร้าง เมืองใหม่ที่นครนายก แหละครับ เมืองปุตราจายานี้ จะเป็นที่ซึ่งรวบรวมศูนย์ราชการ เอาไว้ทั้งหมด เรียกได้ว่า เต็มไปด้วยตึก นอกจากนั้น ก็มีโรงเรียน และ มัสยิด ด้วย จุดเด่นที่เราจะไปชมนั้น คือ มัสยิดหินอ่อนสีชมพูครับ ซึ่งมี ขนาดใหญ่ และ อลังการ มาก ไปชมภาพดีกว่าครับ
นี่แหละครับ ความยิ่งใหญ่ ซึ่งใช้งบประมาณ เป็นพันล้าน
ข้างใต้มัสยิดนี้ มีชั้นใต้ดินอีก 3 ชั้น ด้วยกัน ซึ่งจะมีห้องอาบน้ำ(เพื่อเข้าพิธี) ร้านอาหาร ฯลฯ อยู่ด้านล่าง แต่ผมยังไม่ลงไปครับ เดินชมรอบๆก่อน ด้านหน้า มัสยิดนี้ จะเป็นวงเวียนขนาดใหญ่ ซึ่ง มีธงของรัฐต่างๆใน ประเทศ ตั้งอยู่ และสามารถมองเห็น อาคารรัฐสภาตั้งเด่นตระหง่าน อย่างชัดเจน ส่วนอีกด้าน จะเป็นแม่น้ำ มีบริการล่องเรือด้วย
อาคารรัฐสภา กับ ธงรัฐต่างๆ มุมมองฝั่งแม่น้ำ อีกด้าน มองเห็นสะพานใหญ่
เดินเที่ยวกันจนเมื่อยแล้ว คราวนี้เข้าชมมัสยิดกันบ้าง ซึ่งเวลาเราจะเข้าชม ถ้าเป้นผู้ชายไม่ต้อง สวมเสื้อคลุมแต่ ถ้าเป็นผู้หญิง ต้องสวมเสื้อคลุมด้วย ซึ่ง เขาจะมีเสื้อคลุมสีชมพให้เรายืมใส่ครับภายในมัสยิด การตกแต่งค่อนข้างธรรมดา สักนิด แต่มีขนาดใหญ่ โอ่อ่า เพื่อรองรับ คนจำนวนมาก
สุภาพสตรีต้องสวมเสื้อคลุมก่อนเข้าชม ภายในใหญ่โตกว้างขวาง
เมื่อเหนื่อยกับการเดินไปเดินมาจนทั่วบริเวณแล้ว เดินลงไปชั้นล่างซักหน่อย เมื่อลงมาถึง ต้องร้องโอ้โหเลยครับ แม้แต่สินค้า out let ก็มีจำหน่าย ดีจริงๆ ครบเครื่องเลย ตอนนี้ผมร้อนมาก เลยไปด้อมๆมองๆห้องอาบน้ำ สักหน่อย อันที่จริงเราก็สามารถเข้าอาบน้ำได้นะครับ แต่ผมไม่มีผ้าเช็ดตัว เลยไม่อาบดีกว่า ฮิฮิ…
ได้เวลาเดินทางต่อ คราวนี้ ที่เที่ยวต่อไปคือ ไมน์ซิตี้ ครับ หรือเรียกแบบ มาเลเซียก็ ไมน์จายา นั่นเองที่ ไมน์ซิตี้นี้ จะเป็น บริเวณ เหมืองเก่าซึ่งได้ปรับปรุง ให้กลายเป็นศูนย์สรรพสินค้า ศูนย์การแสดงสวนสนุก ซึ่ง เราจะไปทำอะไรกัน ตามมาเลยครับ
ขณะผมมาถึงที่นี่ฝนตกปรอยๆอยู่ เลยลำบากหน่อยในการเก็บภาพ ที่ผมมาที่นี่เพื่อมาล่องเรือครับ ในห้างสรรพสินค้า มีเรือให้เราล่อง และสามารถล่องออกไปยังทะเลสาบ ด้านนอกได้ โดยจะใช้เวลาต่างกันแล้วแต่เราจะซื้อตั๋วแบบไหน ผมเลือกตั๋ว แบบ ครึ่งชั่วโมง ซึ่งจะได้ออกไปยังทะเลสาบ ส่วนอีกแบบหนึ่ง จะอยู่แต่บริเวณ สวนสนุก แต่น่าเสียดายครับ ฝนลงหนักขึ้น เขาจะไม่ยอมออกเรือให้ ก็อ้อนวอนกันยกใหญ่กว่าจะยอมออกเรือให้เรา แต่ก็นั่นแหละครับ ละอองน้ำสาดซัดมาตลอด ผมเลยเก็บรูปมาฝากไม่ได้เลย แย่จัง
บรรยากาศภายในห้าง มีน้ำอยู่ตรงกลางห้าง คล้ายๆคลองเลยครับ มองเห็นเรือสีขาวๆที่พาเราล่องไป
เมื่อล่องเรือเสร็จแล้วผมก็เดินทางไปสู่ กัวลาลัมเปอร์ ครับ มองเห็นตึก เปโตรนาส กับหอสูง เคแอล แต่ไกลเลยค่ำคืนนี้ พักผ่อนที่ กัวลาลัมเปอร์ มองเห็น เปโตรนาสยาม ค่ำคืน สวยงามมากครับ
รุ่งเช้าวันที่ สี่ ของผมวันนี้ กำไรชีวิตผมกำลังจะเพิ่มขึ้นแล้วครับ เพราะวันนี้ ผมกำลังจะไปขึ้น ตึกที่สูงที่สุดในโลก น่าอิจฉาไหมครับ ก่อนอื่นๆเราต้องไปเอาบัตรคิวก่อน ถึงจะขึ้นชมได้ โดย เราจะขึ้นชมได้ แค่ ชั้นที่ 41 หรือ 42 เท่านั้น เขาไม่อนุญาตให้เราไปชั้นอื่นเด็ดขาด เพราะที่นี่มี ออฟฟิส สำนักงาน อยู่ด้วย หลายบริษัท ชั้น 41- 42 คือตรงสะพานระหว่างตึกนั่นแหละครับ
แค่ได้มายืนอยู่หน้าตึกใจก็เต้นแล้วครับ ภาพนี้ ถ่ายแต่เช้าตรู่ สวยมั้ยครับ
ผมได้ตั๋วคิว เวลา 9.30 น.เลยต้องเดินเล่นรอเวลา จึงเอาเวลาว่างๆไปสำรวจตึกครับ ได้ข้อมูลมาพอสมควร ตึกนี้ เริ่มสร้าง เมื่อ ค.ศ. 1993 และสร้าง เกือบเสร็จ ( ใส่ยอด ด้านบน เรียบร้อย และทำการบันทึกสถิติ ว่าสูงที่สุดในโลก) เมื่อ ค.ศ.1995 ต่อมาปี ค.ศ.1996 จึงเปิดอย่างเป็นทางการ ตึกเปโตรนาส นี้มีความสูง ทั้งหมด 88 ชั้น หรือประมาณ 452 เมตร ก็ 1 ใน 4 ไมล์นั่นแหละครับ สูงมากๆ โดยผู้รับเหมานั้น ไม่ใช่ฝรั่ง แต่อย่างใด แต่เป็น คนเอเซียด้วยกัน คือ ญี่ปุ่น และ เกาหลี (samsung) นั่นเอง รอบๆ ตัวตึกนี้ ประดับด้วย เสตนเลสแผ่น ทั้งมด ซึ่งใช้ เสตนเลส ราวๆ 214.000 ตารางเมตร เลยทีเดียว แถมยังใช้คอนกรีต ร่วม 15.200 คิวบิค อีกด้วย ใหญ่โต แค่ไหนลองนึกภาพดูครับ ผมรู้แต่ว่า ผมแหงนหน้าถ่ายรูปจน ปวดคอไปหมดเลย เอาหละ ได้เวลาแล้ว เราขึ้นชม เปโตรนาสกันเลย
ลิฟท์ที่ใช้ขึ้นชม มีความเร็วสูงมาก 1วินาที ต่อ 1 ชั้น เรียกได้ว่า หูอื้อเลยครับ เราจะสามารถอยู่ บนชั้น 41 หรือ 42 ได้ประมาณ 15 นาทีเท่านั้น เนื่องจากแต่ละวัน มีนักท่องเที่ยวมาเข้าชมมาก เขามีเจ้าหน้าที่บรรยายด้วยนะครับ ดีมากเลย เมื่อถึง ที่หมาย ผมก็เก็บถาพอย่างเดียวเลยครับ กลัวเสียเวลา แต่กระจกเขาติดฟิล์ม ทำให้ภาพที่ได้ออกมาสีแปลกๆไปนิด นะครับ
ระหว่างสะพาน ไม่กว้างไม่แคบเกินไป น่าหวาดเสียวดี ภาพทิวทัศน์ ในเมืองกัวลาลัมเปอร์
เมื่อขึ้นชม ตึก เปโตรนาส เรียบร้อยแล้ว ยังมีเวลาอยู่ผมเลยเดินเที่ยวชม ห้างสรรพสินค้า ซึ่งคือส่วนด้านล่างของตึก เพราะทีนี่ มีห้างใหญ่ อยู่ 2 ห้างคือ ซูเรีย suria และ อิเซตัน isetan ซึ่งห้างที่ผมเดินนี้ ก็คือ ซูเรีย ซึ่งมีสินค้า แบรนด์เนม มากมาย ให้เลือกซื้อ สินค้าธรรมดาก็มีนะครับ หรือไม่ว่าจะเป็น สินค้า อิเล็กทรอนิคส์ ก็มีมากมาย ถ้าท่านใด มาถึงมาเลเซียแล้ว อยากรู้ว่า คนที่นี่เขาอยู่กินกันอย่างไร ต้องไปที่ ซุปเปอร์มาเก็ตครับ ดุกันว่า จะมีอะไรขายบ้าง ซึ่งที่นี่มี ท๊อปส์ ซุปเปอร์มาร์เก็ต ครับ ผมเดินเที่ยวที่อยู่กว่า 2 ชั่วโมง ครับ แถมหาที่เติมเงินโทรศัพท์ ด้วย ก็มาถึงแล้วต้องศึกษา กันหน่อยและครับ จะได้ เรียกว่ามาถึง ไม่ใช่แค่มาเที่ยว
ช่วงบ่าย ผมได้ท่องเที่ยวในตัวเมือง กัวลาลัมเปอร์ ซึ่ง ได้เที่ยวชส สถานที่ต่างๆอีกมากมาย แต่ส่วนใหญ่ล้วนเป็นสิ่งก่อสร้าง ทั้งหมด เริ่มจาก พระราชวัง ของ สุลต่าน ของกรุงกัวลาลัมเปอร์ ใหญ่โตมากครับ แต่เขามิได้อนุญาตให้เราเข้าชมนะครับ ได้เพียงแต่ยืนถ่ายรูปข้างนอกเท่านั้น บริเวณหน้าประตู ก็ จะมีทหาร ยามคอยเฝ้าอยู่ด้วย
ถ่ายรูปลอดรั้วเอา
เมื่อชมพระราชวัง เรียบร้อย ผมก็เดินทางต่อไปยัง มัสยิดแห่งชาติครับ ซึ่งมัสยิดแห่งชาติจะอยู่ในตัวเมือง แต่ขนาดก็ไม่ใหญ่โตเท่า มัสยิด ที่ ปุตราจายา นะครับ แต่ก็สวยงามแปลกตาไปอีกแบบหนึ่ง
มัสยิดแห่งชาติ มีรูปทรงแปลกตากว่า มัสยิดทั่วไป
จากนั้น ผมก็เดินทางไปยังที่หมายสุดท้ายของวันนี้ คือ อาคารรัฐสภาเก่า ของ มาเลเซีย ซึ่งนับว่าเป็นอีก ไฮไลท์หนึ่ง เพราะอาคารรัฐสภานี้ มีรูปแบบการก่อสร้าง ที่สวยงาม แปลกตา เรียกได้ว่า ผมกลับมาไทยแล้วแอบ อำ เพื่อนว่าไปเที่ยว ตะวันออกกลาง เพื่อนยังเชื่อเลยครับ ฮิฮิ….
อาคารรัฐสภาเก่า สวยงามมาก ถนนด้านหน้า ที่เห็นเป็น อิฐหนอนเรียงต่อกันด้วย ดูขลังดีครับ
ในส่วนของอาคารรัฐสภานี้ เราไม่สามารถ เข้าชมได้ครับ ได้เพียงถ่ายรูปด้านหน้าเท่านั้น ฝั่งตรงข้ามคือ จัตตุรัส มาเดก้า ซึ่งเป็นที่ประกาศอิสรภาพ ของมาเลเซีย ซึ่งบริเวณจัตุรัส นี้ จะเป็นสนามหญ้ากว้าง และเมื่อถึงวัน สำคัญ ก็จะมีการจัดแสดงที่นี่ด้วย….
เสร็จจากการเที่ยวชมเมือง กัวลาลัมเปอร์ แล้วผมก็เดินทางเข้าที่พัก เอาแรงก่อน เพราะวันรุ่งขึ้น ต้องเดินทางไปเที่ยวปีนังต่อ ครับ ติดตามสกู๊ป มาเลเซีย 8 วัน ภาค 2 ด้วยนะครับ ไปหละครับ เซอรามัตดาตัง ……