> พิพิธภัณฑ์ ช้างเอราวัณ จ. สมุทรปราการ Erawan – Museum Samutprakarn Thailand

สวัสดีครับ ในที่สุดปี 2012 ก็ได้ผ่านพ้นไป นายเกริกเกรียติ ก็ขอให้ปี 2013 ที่ผ่านเข้ามานี้ ทุกท่านมีแต่ความสุขกายสุขใจกันนะครับ สำหรับสถานที่ท่องเที่ยว ที่จะพาทุกท่านไปเที่ยวในวันนี้ ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวใกล้กรุงเทพ ที่ขอแนะนำให้ท่านมาเที่ยวชมสักครั้ง ด้วยที่ตั้ง ในเขต จ.สมุทรปราการ แต่จะให้นับจริงๆ ก็คงเป็นแค่ชานเมืองกรุงเทพเพียงแค่นั้น ที่นี่คือ พิพิธภัณฑ์ ช้างเอราวัณ จ.สมุทรปราการ หรือที่ เรียกกันง่ายๆว่า ช้างสามเศียร นั่นเอง
หากท่านใดเคยใช้ถนนวงแหวนรอบนอก บางนา พระรามสอง ก็คงจะได้เห็น พิพิธภัณฑ์ ช้างเอราวัณ แห่งนี้ กันมาบ้าง เพราะขนาด ของตัวช้าง นับเป็นสิ่งก่อสร้าง ที่ใหญ่และแปลกตามาก ตัวผมเองตั้งใจจะมาที่นี่หลายครั้งหลายครา แต่ก็เพราะมองว่าเป็นที่เที่ยวใกล้เมือง จะไปเมื่อไหร่ก็ได้ สุดท้ายก็ยังไม่ได้ไปสักครั้ง และแล้ว โอกาสก็เหมาะสม

วันหยุดปีใหม่ ผู้คนไปต่างจังหวัดกันหมด ผมจึงถือโอกาสเที่ยวใกล้เมืองซะเลย

ผมเดินทางมาจากถนนสุขุมวิท จนมาถึง พิพิธภัณฑ์ ช้างเอราวัณ ซึ่งมีสถานที่จอดรถจัดเตรียมไว้พร้อม และยังมี รถแทรม ที่หน้าตา
เหมือนรถราง คอยบริการ ขนถ่ายนักท่องเที่ยวสู่ ประตูทางเข้าด้วยครับ ไม่รอช้า มาถึงแล้ว คว้ากล้อง เที่ยวกันเลย

 

ธงสีแดง ดูเผินๆเหมือนธงชาติแบบเดิมของไทยเรา แต่เป็นรูปช้างเอราวัณ และ รถแทรมคอยให้บริการนักท่องเที่ยว

บริเวณภายใน แบ่งเป็นหลายส่วนร่มรื่น หากมาช่วงบ่ายจะแดดแรงสักเล็กน้อย แต่จะได้ฟ้าสวยๆเป็นฉากหลังครับ

หลังจากชำระค่าบัตรผ่านประตูเรียบร้อย ผมก็เดินเข้าสู่บริเวณ พิพิธภัณฑ์ ซึ่ง มีสวนหย่อมอันร่มรื่นรายรอบ จิตใจก็อยากจะเดินเที่ยวสวน แต่ก็ต้องอดใจไว้ก่อน ไปดูไฮไลท์ ของเราก่อน ตัวพิพิธภัณฑ์ บริเวณที่เป็น ฐานของช้าง และ ตัวช้าง แบ่งเป็นสวมส่วน

คือส่วนชั้นใต้ดิน ส่วนที่เป็นโถง ด้านล่าง ชั้นที่ 1 และ ส่วนที่เป็นตัวช้าง

สำหรับส่วนที่เป็นชั้นใต้ดินนั้นจัดแสดง วัตถุโบราณ ต่างๆ และ ประวัติความเป็นมาของ สิ่งของเหล่านั้น ที่มีความเกี่ยวข้องกับ วิถีชีวิต ของคนในดินแดนแถบนี้ สำหรับชั้นนี้ ไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพได้ ผมจึงไม่มีภาพมาฝากทุกท่านครับ

  

การตกแต่งในช่วงชั้นที่หนึ่ง มีทั้งลวดลายปูนปั้น กระจกสี และ งานโลหะดุนลาย สวยงามละเอียดอ่อนมากครับ

ในส่วนของชั้นที่ 1 นั้นเปรียบเสมือนโลกมนุษย์ ส่วนนี้มีลักษณะเป็นโถงใหญ่ เป็นที่ประดิษฐาน พระโพธิสัตว์ และโดยรอบนั้น มีการตกแต่งประดับประดา ด้วยลวดลายปูนปั้น ที่มีความละเอียดอ่อนช้อย งานปูนปั้นนี้ เป็นปูนปั้นแบบโบราณ หรือที่เรียกว่า

ปูนตำ แบบเดียวกับที่พบเห็นได้ในวัดสำคัญต่างๆใน จ.เพชรบุรี อาทิ วัดมหาธาตุ จ. เพชรบุรี เป็นต้น

นอกจากนั้นเสาของบริเวณนี้ยังมีงาน ดีบุก ดุนลาย เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ ศาสนา ต่างๆบนโลก และ ประวัติเกี่ยวกับพระโพธิสัตว์
ซึ่งงาน ดีบุกดุนลายเหล่านี้ มีความละเอียดสวยงามไม่ใช่น้อย

ทางส่วนบนเพดานนั้น เป็นงานกระจกสี ที่แสดงถึง โลกมนุษย์ และความเกี่ยวข้องกับ ธรรมชาติ กล่าวคือ เป็นทวีปต่างๆ จักรราศี
และ ภาพมนุษย์ ในกิริยาอาการต่างๆ

 

หลังจากเที่ยวชมชั้นที่ 1 เสร็จเรียบร้อยผม เดินขึ้นบันได สู่ชั้นลอย ซึ่งจะมีลิฟท์ และ บันไดวน ให้เราเลือกตามกำลังของร่างกาย
เพื่อเดินขึ้นสู่ ชั้นที่สอง และ ชั้นที่สามต่อไป ซึ่งชั้นที่สองและ สามนี้จะเป็นการขึ้นสู่ช่วงที่เป็นตัวของช้าง เอราวัณ นั่นเอง

ตัวผมเลือกเดินขึ้นทางบันไดวน เพราะเห็นว่ามีนักท่องเที่ยวผู้สูงอายุ มาเข้าชมพอสมควร จะได้ขึ้นลิฟท์โดยสะดวก ระหว่างทางบันไดวน ก็มีการเขียนภาพ และ ประดับ ไฟสวยงามบ่งบอกให้เห็นถึงความเอาใจใส่ในการสร้างสรรค์ เป็นอย่างดี เมื่อขึ้นมาถึงชั้นสอง ซึ่งมีขนาดพื้นที่ ไม่มากนัก บริเวณนี้จะมีช่องเล็กๆ ให้เรามองลอดออกไปชมทิวทัศน์ได้ เป็นที่ถูกใจของนักท่องเที่ยวมาก

ช่องที่ว่านี้จะอยู่ในส่วนของท้องช้างนั่นเอง เราสามารถมองเห็นสวนด้านล่าง และ ทิวทัศน์ ของถนนหนทางได้พอสมควร

  

บริเวณทางเดินบันไดวน มีภาพจิตรกรรม และโคมไฟสวยงาม เมื่อขึ้นมาถึง จะมีช่องชมทิวทัศน์เล็กๆจากท้องช้าง

เมื่อได้ชมทิวทัศน์กันแล้ว ผมก็เดินขึ้นบันไดต่อสู่ชั้นที่ 3 ซึ่งเป็นชั้นสุดท้าย ชั้นนี้มีลักษณะเป็นโถง อยู่ในช่วงลำตัวของช้างเอาราวัณ
ภายในโถงนั้นสวยงามวิจิตร ตกแต่งรวมสมัย ด้วยโทนสีฟ้า และ ลวดลายกราฟฟิค

โดยแนวคิดการตกแต่ง โถงนี้ อิงมาจากแนวความเชื่อเรื่องสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ซึ่งเป็นที่ประทับของพระอินทร์ โดยภายในโถง นี้ประดิษฐาน พระพุทธรูป ปางลีลา และ พระพุทธสิหงค์ จำลอง เอาไว้ เปรียบได้กับเรื่องราวในพุทธประวัติ ครั้นเมื่อ พระพุทธเจ้า

เสด็จลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ หลังจากโปรดพระมารดานั่นเอง

นอกเหนือจากนั้น บริเวณรอบๆ ยังจัดแสดง พระพุทธรูปโบราณ หลากหลายปาง และ หลากหลายศิลปะ ซึ่งเจ้าหน้าที่ไม่อนุญาต ให้ถ่ายภาพ อาจจะด้วยเหตุเพื่อป้องกันการลอกเลียนแบบครับ ส่วนของเพดานนั้น เป็นการตกแต่งด้วยลวดลาย กราฟฟิค ร่วมสมัย แตกต่างจาก ลักษณะการตกแต่ง สถานที่ตามวัดวาอารามทั่วไป

ลวดลายนั้นเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ สุริยะจักรวาล ซึ่ง การใช้โทนสี และความลงตัวนั้น สวยงามมากครับ

หลังจากสักการะ พระพุทธรูปเรียบร้อย ผมก็เก็บภาพความประทับใจ และเดินลงมาด้วยจิตใจเบิกบาน ขาลง ยังสังเกตเห็นได้ว่า การออกแบบสถานที่นี้ มีการวางเส้นสายสวยงามจริงๆครับ จากนั้น ผมก็ออกมาเดินเล่นชมบริเวณภายนอกกันบ้าง สวนหย่อมสวยๆ และ บรรยากาศโดยรอบ เปรียบดั่งป่าหิมพานต์ มีสัตว์ หิมหานต์ ปูนปั้น อยู่รายรอบไปหมด บรรยากาศร่มรื่น ด้วยไม้ยืนต้น และไม้ใบ ที่นี่ไม้ดอกจะไม่ค่อยมีมากนักนะครับ แต่ก็มีการจัดแต่งสวนได้สวยงาม และ มีลูกเล่น อีกทั้งยังมี เก้าอี้ และจุดพัก อย่างเพียงพอ ทำให้ทุกท่านที่เข้าชม สามารถพักผ่อนหย่อนใจ และ เพลิดเพลินกับบรรยากาศ สบายๆได้อย่างเต็มที่

 
 
 

หลังจาก เที่ยวชมจนได้เวลาอันสมควร ผมก็ตัดสินใจ เดินทางออกจาก พิพิธภัณฑ์ ช้างเอราวัณ ด้วยจิตใจ ที่เปี่ยมด้วยความสุข อย่างน้อยที่สุด วันหยุดปีใหม่นี้ ผมก็ได้เที่ยวสักที กับที่เที่ยวที่ผลัดเอาไว้หลายครั้งหลายครา แถมยังกล่าวได้ว่า ที่นี่ มีอะไรดีๆ กว่าที่คิด เสียด้วย สำหรับวันนี้ คงต้องลาทุกท่านไปก่อนนะครับ ขอทิ้งท้ายกับภาพนี้นะครับ หลายๆท่านคงเคยได้ยินมาว่า “การท่องเที่ยวเป็นการกระจายรายได้ ” ผมเองก็เชื่อเช่นนั้นครับ สวัสดีครับ

แกลลอรี่ รูปภาพ

ชมภาพ จ. สมุทรปราการ
ข้อมูลจังหวัด
+ ข้อมูล ท่องเที่ยว จังหวัด สมุทรปราการ