ปากีสถาน…คาราโครัมไฮเวย์ 9 วัน อีสลามาบัด – กิลกิต – ฮุ่นซ่า – คุนจีราฟ – พาสสุ – ซอส์ท

(1)วันศุกร์ที่ 17 ตุลาคม 2551 กรุงเทพ-อิสลามาบัด 17.00 น. คณะพร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออก ชั้น 4 ประตูทางเข้าที่ 4 แถว H-J เคาน์เตอร์สายการบินไทย เจ้าหน้าที่ให้การต้อนรับ 18.50 น. เหินฟ้าจากกรุงเทพฯ สู่เมืองอิสลามาบัด ประเทศปากีสถาน โดยสายการบินไทย แอร์ เวย์ เที่ยวบินที่ TG509 ใช้เวลาบินประมาณ 5 ชั่วโมง 22.00 น. ถึงท่าอากาศยานเมืองอิสลามาบัด (เวลาท้องถิ่น) หลังจากผ่านตรวจคนเข้าเมือง

นำ ท่านเข้าโรงแรมที่พัก พักที่ Hotel Margalla หรือเทียบเท่า

(2)วันเสาร์ที่ 18 ตุลาคม 2551 อิสลามาบัด-กิลกิต 05.00 น. รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม จากนั้นนำท่านเดินทางสู่สนามบิน 06.45 น. เหินฟ้าสู่เมืองกิลกิต เที่ยวบินที่ PK605 07.50 น. เดินทางถึงสนามบินเมืองกิลกิต กิลกิตเป็นเมืองที่ตั้งอยู่บนเชิงเขาคาราโครัม พื้นที่ส่วน ใหญ่ของเมืองนี้เต็มไปด้วยภูเขา ซึ่งภูเขาที่นี้มีความน่าสนใจอย่างมากเพราะได้ชื่อว่า เป็น ดินแดนแห่งความงามบริสุทธ์ที่ถูกตกสำรวจจากชาวโลก นอกจากนี้เมืองกิลกิตยัง เป็นเมืองสำคัญ ที่เส้นทางสายไหมในอดีตตัดผ่าน และใช้เป็นเส้นทางการเผยแผ่ ศาสนาพุทธจากอินเดียสู่ดินแดนต่างๆ ในเอเชีย ทำให้พบหลักฐานทางพุทธศาสนาใน เมืองนี้เป็นจำนวนมาก จากนั้นนำท่านชม พระพุทธรูป แกะสลักบนหน้าผา (Kargah Buddha) โดยรถจี๊ป จาก จุดจอดรถต้องเดินประมาณ 15–20 นาที เพื่อขึ้นไปสู่องค์พระพุทธรูปในระยะใกล้ชิด จากนั้นชม สะพานแขวนกิลกิต (Gilgit Suspension Bridge) ซึ่งเป็นสะพานแขวนใน สมัยโบราณที่ยังคงใช้งานอยู่ในปัจจุบัน เป็นสะพานแขวนที่รถสามารถวิ่งผ่านได้ สร้าง โดยกองทัพอังกฤษในช่วง ค.ศ.ที่ 19 หลังจากนั้นนำท่านเดินเล่นในตลาดพื้นเมือง จากนั้นเดินทางกลับสู่ที่พัก

พักที่ Gilgit Riviera หรือเทียบเท่า

(3)วันอาทิตย์ที่ 19 ตุลาคม 2551 กิลกิต-ฮุนซ่า

เช้า รับประทานอาหารเช้า จากนั้นเดินทางสู่เมืองฮุนซ่าร์ (Hunza) ใช้เวลาประมาณ 2 ชม. เส้นทางเส้นนี้ท่านจะได้รับความเพลิดเพลิน จากทัศนียภาพของยอดเขาหิมะที่ ยิ่งใหญ่ เช่น ยอดเขาอัลตร้า บนเส้นทางหลวงคาราโครัม (Karakoram Highway) เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน (ระหว่างทาง) จุดชมวิวราคาโปชิ (Rakaposhi View Point) เพื่อชมบรรยากาศยอดเขาและความ งดงามของยอดเขาราคาโปชิอย่างใกล้ชิด จนรู้สึกเหมือนจะสัมผัสได้ ยอดเขาแห่งนี้ถูก จัดความสูงอยู่ในอันดับที่ 27 ของโลก ซึ่งสูงถึง 7,790 เมตร บ่าย ถึงคารีมาบาด (Karimabad) เป็นเมืองหลวงของแคว้นฮุนซ่า (Hunza) อาณาจักรที่ ปกครองตนเองมานานกว่า 900 ปี จนกระทั่งกลายเป็นแควันหนึ่งในปากีสถานในปี ค.ศ. 1974 นำท่านเช็คอินเข้าโรงแรมที่พัก อิสระให้ท่านชมทัศนียภาพของยอดเขาหิมะที่ โอบล้อมเมืองคารีมาบาด ซึ่งท่านสามารถเห็นภูเขาหิมะจากที่พัก

อย่างชัดเจน เย็น รับประทานอาหารค่ำ พักผ่อนตามอัธยาศัย พักที่ Hunza Embassy หรือเทียบเท่า

(4)วันจันทร์ที่ 20 ตุลาคม 2551 ฮุนซ่า เช้ามืด ตื่นแต่เช้าตรู่นำท่านเดินทางก่อนไก่ขัน โดยรถจี๊ป ขึ้นไปยังดิวเคอร์ (Duicker) เป็น จุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยที่สุดในโลกอีกแห่งหนึ่ง พร้อมให้ท่านได้เก็บภาพ บรรยากาศแสงพระอาทิตย์กระทบ ยอดเขาหิมะ ที่มีฉากยอดเขาที่มีรูปร่างโดดเด่น แปลกตาที่มีชื่อ เลดี้ ฟิงเกอร์ (Lady Finger) รูปทรงของยอดเขา ไม่ต่างจากนิ้วมือของ หญิงสาวที่เพรียวงามได้สัดส่วน ชมทัศนียภาพโดยรอบ รับประทานอาหารเช้า ที่ด้านล่างจุดชุมวิว Eagle Nest จนได้เวลาสมควร กลับที่พักคารี มาบาด (Karimabad) จากนั้นพักผ่อนตามอัธยาศัย เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน บ่าย ท่องเที่ยวโดยรอบเมืองฮุนซ่า (Hunza) เยี่ยมชม ดินแดนประวัติศาสตร์กว่า 900 ปี ป้อมแอลติท (Altit) และนำชม ป้อมบัลติท (Baltit Fort) มีอายุเก่าแก่กว่า 750 ปี ซึ่ง สร้างโดยเจ้าหญิงแห่งเมืองบอลติสตาน (Batistan) ภายหลังการอภิเษกสมรสกับ เจ้าชายเมืองทุม (Thum) ประเทศเยอรมัน ป้อมปราการบัลติทแห่งนี้ เป็นอดีต พระราชวังหลวงที่มีสถาปัตยกรรมรูปแบบผสมผสานแบบท้องถิ่นผสมแคชเมียร์และ ทิเบต ต่อมาพระราชวังแห่งนี้ได้ถูกต่อเติม ขยายส่วนต่างๆมากมาย เช่น ระเบียง หน้าต่าง กำแพงชั้นนอก จนกระทั่งมีรูปแบบดั่งเช่นปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม พระราชวัง และป้อมปราการโบราณบอลติตได้ถูกทิ้งร้างในช่วงหนึ่งที่มีการย้ายเมืองหลวงมาที่ เมืองคาริมาบัด (Karimabad) จากนั้น เดินเล่นชมร้านค้าจำหน่ายของที่ระลึกที่ตั้ง ตลอดแนวบนถนนสายหลักของเมืองตามอัธยาศัย เย็น รับประทานอาหารค่ำ ให้ท่านอิสระกับการฟังเพลงพื้นเมือง พักผ่อนตามอัธยาศัย Hunza Embassy

หรือเทียบเท่า

(5)วันอังคารที่ 21 ตุลาคม 2551 ฮุนซ่า-ซอส์ท-พาสสุ-กันจีราป-ฮุนซ่า

เช้า รับประทานอาหารเช้า จากนั้นเดินทางต่อสู่เมืองพาสุ ซึ่งตั้งอยู่ที่ระดับความสูง 2400 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล ตั้งอยู่ระหว่าง Black Batura Glacier และ White Passu Glacier ชมทิวทัศน์ ยอดเขาฟันเลื่อยที่ยิ่งใหญ่และสวยงาม เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ในบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติ (อาหารกล่อง) บ่าย เดินทางสู่เมืองซอส์ท (Sost) เยี่ยมชมหมู่บ้าน Sost ซึ่งอยู่ติดชายแดนประเทศจีน และ เป็นจุดการค้าเขตชายแดนที่สำคัญ ที่มีชาวจีนเดินทางมาทำการค้า จากนั้นเดินทางสู่ เมืองพาสสุ นำชม สะพานแขวนแห่งเมืองพาสสุ (Passu Suspension Bridge) ที่พร้อม ให้ท่าน ทดสอบความกล้า ด้วยการเดินบนสะพานแขวนเหนือแม่น้ำด้วยความสูงที่สุด หวาดเสียว แต่ต้องขอบอกว่า ต้องฟิตร่างกายเตรียม พร้อมเล็กน้อย เพราะจากจุดจอด รถถึงสะพานต้องเดินเท้าผ่านทิวทัศน์ที่งดงามเกินบรรยาย ประมาณกว่า 1 ชั่วโมง จากนั้น นำท่านนั่งรถชมช่องเขา Khanjerab Pass ซึ่งอยู่ในช่วงเขตพรมแดนระหว่าง ปากีสถานและจีน ที่มีความสูง 4,693 เมตร (บางฉบับ 4,730 เมตร) หรือประมาณ 16,000 ฟุต ซึ่งเป็นจุดที่มีความสูงที่สุดของ Karakorum Highway และเป็นเส้นทาง ข้ามชายแดนที่สูงที่สุดในโลก ซึ่งจีนและปากีสถานตกลงที่จะสร้างเส้นทางนี้ในปี ค.ศ. 1964 โดยมีเทือกเขาคาราโครัมที่เป็นเส้นแบ่งแนวตามธรรมชาติขวางอยู่ หลังจากจีน ได้สร้างในส่วนของตนเสร็จในปี 1979 ปากีสถานก็ทำในส่วนตั้งแต่ กุลมิทตอนใต้ลงไป และเสร็จในปี เดือนสิงหาคม ค.ศ. 1982 พร้อมกับเปิดให้เป็นเส้นทางสำหรับการ ท่องเที่ยว ส่วนพรมแดน Khanjerab Pass เปิดให้มีการเดินทางข้ามแดนได้ตั้งแต ่ 1 พฤษภาคม ค.ศ. 1986 เป็นต้นมา ได้เวลาสมควรนำท่านเดินทางกลับสู่ที่พัก รับประทานอาหารค่ำ

พักผ่อนตามอัธยาศัย พักที่ Hunza Embassy Hotel หรือเทียบเท่า

(6)วันพุธที่ 22 ตุลาคม 2551 ฮุนซ่า-กิลกิต

เช้า รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม จากนั้นเดินทางกลับสู่เมืองกิลกิต บนเส้นทางหลวงคา ราโครัม (Karakoram Highway) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน บ่าย เดินทางถึงเมืองกิลกิต เย็น รับประทานอาหารเย็น

พักที่ Gilgit Riviera หรือเทียบเท่า

(7)วันพฤหัสบดีที่ 23 ตุลาคม 2551 กิลกิต-อิสลามาบาด

เช้า รับประทานอาหารเช้า 08.15 น. เหินฟ้าสู่เมืองอิสลามาบัด เที่ยวบินที่ PK 606 09.10 น. ถึงเมืองอิสลามาบาด จากนั้นนำท่านแวะชม พิพิธภัณฑ์ตักศิลา (Taxila Museum) ที่รวบรวมเกี่ยวกับโบราณวัตถุของเมืองตักศิลา สมัย 600 ปีก่อนคริสตกาล ถึง ค.ศ. 500 หรือประมาณ 2,500 กว่าปีมาแล้ว ภายในพิพิธภัณฑ์จัดแสดงศิลปวัตถุที่มีค่า ที่ขุด พบในซากโบราณสถานต่างๆในบริเวณนั้น ซึ่งรวบรวมโดยท่าน เซอร์จอห์น มาร์แชล (Sir John Marshall) ในช่วงปี ค.ศ. 1913–1934 อาทิเช่น เครื่องประดับเงิน เครื่องใช้ ครัวเรือนทองเหลือง เครื่องปั้นดินเผา เหรียญกษาปณ์ พระพุทธรูปแบบคันธาระที่หาดู ได้ยาก เป็นต้น เมืองตักศิลาเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรคันธาระ ในอดีตเคยเป็นศูนย์ การเรียนรู้ของศาสนาพุทธ หรือนับเป็นมหาวิทยาลัยพุทธศาสนาแห่งแรกของโลก นอกจากนี้ยังมีซากเมืองโบราณตักศิลาในส่วนที่สำคัญๆ อีกหลายแห่ง ที่แสดงให้เห็น ร่องรอยของความเจริญรุ่งเรืองในอดีต เช่น เจดีย์ธรรมราชิกา (Dharmarajika) ซึ่ง บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระเจ้าอโศก เป็นต้น ตักศิลาจึงเป็นสถานที่ที่มี ความสำคัญและมีคุณค่าอย่างยิ่งต่อ พุทธศาสนิกชนทุกคน ดังนั้นองค์การยูเนสโกจึง ประกาศให้เมืองตักศิลา เป็นเมืองมรดกของโลกด้วย

เย็น รับประทานอาหารเย็น พักที่ Hotel Margalla หรือเทียบเท่า

(8)วันศุกร์ที่ 24 ตุลาคม 2551 อิสลามาบัด

เช้า รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม ท่านจะได้ชมภาพมุมกว้างโดยรอบของเมืองอิสลามา บาด และนำท่านเดินทางผ่านชมถนนและตัวอาคารที่ทันสมัยมากมาย ท่านจะได้สัมผัส ถึงความสง่างามของสถาปัตยกรรม ของชาวอิสลาม จากนั้นนำท่านชมสุเหร่าที่ได้รับการ จัดอันดับว่า เป็นสุเหร่าที่ใหญ่ติดอันอับโลกแห่งหนึ่ง – สุเหร่าซาร์ ไฟซาล (Shah Faisal) ซึ่งเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัย เฉพาะทางวิชาปรัชญา และกฎหมายของชาว อิสลาม ในระหว่างนั่งรถชมเมืองอิสลามาบาดนี้ ท่านจะได้ผ่านชมตึกราชการต่างๆ ซึ่ง ผสมกลมกลืนเป็นอย่างดีของสถาปัตยกรรม สมัยใหม่ และศิลปะวัฒนธรรมของชาว อิสลาม ต่อจากนั้นนำท่านนั่งรถชมเมืองอิสลามาบาดเก่าของเมืองราวัลปินดี (Rawalpindi) และเยี่ยมชม กองทัพทหาร ซึ่งในปัจจุบัน เมืองนี้เป็นศูนย์กลางของ กองทัพทหารของประเทศปากีสถาน ติดตามด้วยการชมความทันสมัยของเมือง อิสลามาบัด ปัจจุบัน เมืองอิสลามาบัดเป็นเมืองศูนย์กลางทางธุรกิจของประเทศ ปากีสถาน ทำให้อิสลามาบัดเป็นเมืองที่มีความทันสมัย บ่าย นำท่านไปยังจุดชมวิว Damen-E-Kho ซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขา ทำให่ท่านสามารถ มองเห็นทัศนียภาพโดยรอบของเมืองอิสลามาบัด ได้เวลานำกลับสู่ใจกลางเมือง อิสลามาบัด ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ต่อจากนั้นเดินทางไปยังสนามบิน

23.10 น. เหินฟ้ากลับเมืองไทยโดยสายการบินไทย แอร์เวยส์ เที่ยวบินที่ TG 510

(9)วันเสาร์ที่ 25 ตุลาคม 2551 กรุงเทพฯ
06.15 น ถึงสนามบินสุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพ