>ปักกิ่ง หอฟ้าเทียนถาน

สวัสดีครับวันนี้ นายเกริกเกียรติ จะพาท่านเที่ยว กรุงปักกิ่ง สำหรับ ที่เที่ยวในวันนี้ นับว่าเป็นสถานที่ เที่ยวที่มีชื่อเสียง ในระดับต้นๆ ของปักกิ่ง เลยก็ว่าได้ นอกจาก วังต้องห้าม กำแพงเมืองจีน และ วังฤดูร้อนแล้ว อีกที่หนึ่ง ที่ผมจะพาท่านไปชมกันในวันนี้ คือ หอฟ้าเทียนถาน ซึ่งนับเป็นที่ท่องเที่ยวสำคัญ ของปักกิ่ง เลยครับ เพราะ ที่นี่ การท่องเที่ยวของจีนยังนำไปเป็นสัญลักษณ์ ด้วย เรียกได้ว่า เป็นแลนมาร์ค หรือ สัญลักษณ์ เมืองเลยก็ว่าได้ อย่างของไทยเรา ก็คงจะเป็นวัดอรุณ หรือวัดแจ้งนั่นเอง

บริเวณทางเดินเข้าสู่ หอฟ้าเทียนถาน

หลังจากนั่งเครื่องบินมาเสียนาน เกือบ 5 ชั่วโมง แถมต้อง ทรายซิท อีก 1 ชั่วโมง ก็มาถึงยัง กรุงปักกิ่ง เสียที เมื่อมาถึง ผมก็ รีบออกมาเที่ยว เลย เพราะกลัวเสียเวลานั่นเอง ผมมาถึงที่หอฟ้าเทียนถาน ในเวลาบ่ายแก่ๆแล้ว แต่ยังสามารถเข้าชมได้ ทันอยู่ ก็ไม่รีรอเลยครับ วิ่งปรี่ไปซื้อตั๋วเลย

ที่นี่ สร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์ หมิง จุดแรกที่เราจะได้เข้าชม นั้นคือ แท่น บูชา ฟ้าดิน ซึ่ง จะมีลักษณะ เป็นกำแพง สี่เหลี่ยม ล้อมรอบด้วย กำแพงลักษณะ วงกลม ตามความเชื่อ นั้น กำแพง สี่เหลี่ยม หมายถึง ดินหรือ โลก ส่วน กำแพง รูปทรงวงกลม นั้น หมายถึง ฟ้า หรือ สวรรค์ ที่จุดนี้ จะมี ส่วนที่ยกฐานสูง ขึ้น 3 ชั้นด้วยกัน โดยจะทำจากหินอ่อนทั้งหมด เมื่อขึ้นไปลานข้างบน จะมีหินกลม แบน วางอยู่ตรงกลาง นั่นคือจุดที่เชื่อ ว่า จะเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่าง โลก มนุษย์ กับสวรรค์ นั่นเอง เราสามารถไปยืนถ่ายภาพ บนหินนั้นได้ได้วย มองไปรอบๆ จะมี เตาเผา เครื่องเซ่นไหว้ อยู่หลายเตา และ มีที่ใส่เครื่องเซ่นไหว้ก่อด้วยอิฐ แล้วประดับกระเบื้องเคลือบ สีออกเขียวๆ อยู่ด้วย

 

เตาเผาเครื่องเซ่นไหว้ และ จุดเชื่อมต่อโลก กับ สวรรค์ คนมาถ่ายภาพกันมาก

จุดต่อไปเราต้องเดินต่อเข้าไป อีก เราก็จะพบ กับจุดที่เป็นอาคาร ซึ่งทำจากหินอ่อนเช่นเดียวกัน เป็นทรงกลม และ มีหลังคาทรงจั่วแบบจีน จุดนี้ จะเป็นส่วนที่ใช้ในพิธี กรรมของการบูชา สวรรค์ ตรงจุดนี้เขามีความเชื่อกันว่าเป็น ศูนย์กลางของจักรวาล เลยทีเดียว นับว่าเป็นความเชื่อที่มีอยู่ในทุกๆ ศาสนา เลยครับ รอบๆ นั้น จะมีกำแพง ก่อขึ้นเป็นรูปทรงกลมรอบๆ ซึ่ง กำแพงนี้เป็นกำแพงเสียงสะท้อน หากเราลองพูดใส่กำแพง ด้านหนึ่ง อีกด้านหนึ่ง จะได้ยินเสียงของเราด้วย ด้านข้างในกำแพงเดียวกัน มีอาคารทั้งซ้ายและขวา ซึ่ง มีป้าย บูชา พระจันทร์ และ เมฆ รวมถึง ป้ายบรรพบุรุษของ ฮ่องเต้ เอาไว้

ทางเดินขึ้นชมเป็น วันเวย์ ทำให้ชมได้ไม่นานนัก ก็โดนเบียด

กำแพงเสียงสะท้อน เด็ก ชอบมาตะโกนเล่นกันที่นี่

สวนต้นสนบนหญ้าเนียนๆ สวยงามน่านั่งเล่น

จากนั้นเราต้องเดินต่อเข้าไปอีก ซึ่ง ระหว่างทางจะมีสวน สนสวยๆ ขึ้นอยู่เต็มไปหมด ยิ่งอากาศ -2 องศา แบบตอนที่ผมมานี้ ยิ่งสวย และได้บรรยากาศยิ่งขึ้น บริเวณนี้จะมี ต้นสน 9 มังกร ซึ่งจะมีลวดลายที่เปลือกไม้ คล้ายกับ มังกร หลายๆ ตัวซ้อนทับกันอยู่ คนชอบมาถ่ายภาพกันมาก จากนั้น เราเดินต่อเข้าไป ก็จะพบกับ หอฟ้าเทียนถาน

หอฟ้าเทียนถาน สวยสง่าบนลานหินอ่อน 3ชั้น

ที่หอฟ้าเทียนถานนี้ จะเป็นจุดที่ใช้ในพิธีกรรมบูชา ฟ้า ดิน ตั้งอยู่บน ลานหินอ่อนซ้อนกัน 3 ชั้น ซึ่งจะหมายถึง โลกของ มนุษย์ สวรรค์ และ โลก อมตะ ภายในนั้นจะมีภาพเขียนของ สวยงาม แต่ไม่เปิดให้เราเข้าชม ทำได้เพียงแต่ มองรูปที่นำมาโชว์ไว้เท่านั้น นอกจากนั้น ยังมีสัญลักษณ์ ขนาดใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับ ระบบสุริยะ เช่น ฤดูกาลทั้ง 4 ฤดู เดือนทั้ง 12 เดือน และ ช่วงเวลา 12 ช่วง ในแต่ละวัน อีกด้วย

ภาพแกะสลักหินอ่อน บริเวณ บันไดทางขึ้น

แบ่งชั้นตามความสำคัญด้วยรูปของสัตว์ และธรรมชาติจาก ภูเขา หงส์ และ มังกร

นอกจากนั้น ยังมีอาคารหลังเล็กๆ อีก 2 หลัง ที่อยู่ข้างๆ ค่อนมาทางด้านหน้า ซึ่งใช้ในการทำพิธีกรรมเช่นกัน เราสามารถเข้าชมได้ ทั้ง 2 อาคาร เลยทีเดียว ภายในจะมีป้ายบูชาของเทพ ต่างๆตั้งเอาไว้

ความใหญ่โต ของสิ่งก่อสร้าง จีน ใหญ่กว่าไทยมาก แต่ ไทยก็ปราณีตกว่าครับ

และแล้วพระอาทิตย์ ก็ใกล้ตกดิน ซึ่งก็ใกล้เวลาที่ผมจะเดินทางกลับแล้ว แต่ก็ต้องอยู่ถ่ายภาพ เสียก่อน เพื่อ เป็นที่ระลึก พระอาทิตย์ตกที่นี่ก็ได้บรรยากาศ ไปอีกแบบหนึ่งครับ สำหรับวันนี้ ผม คงต้องขอลาไปเข้าที่พักก่อนครับ เหนื่อยล้ากับการเดินทางมาพอสมควรแล้ว อย่าลืมติดตามนะครับว่า ผมจะพาไปเที่ยวที่ใดต่อไป สวัสดีครับ