>ปักกิ่ง กำแพงเมืองจีน

ทางเดินสู่สวรรค์ ดีๆนี่เอง เพราะทิวทัศน์ที่ได้สัมผัส นั้น คือสวรรค์ทางใจครับ

  สวัสดีครับ ผมอาจจะมาแปลก สักนิดนะครับ ที่อยู่ๆ ก็ มาชวนทุกๆท่านไปยืน บนสิ่งมหัศจรรย์ของโลก ใช่ครับ นี่คือ 1 ใน 7   สิ่งมหัศจรรย์ ของโลก ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด และ เป็น 1 ใน สองสิ่งที่สามารถมองเห็นได้จากนอกโลกครับ จะเป็นอะไรไปไม่ได้ นอกจาก   กำแพงเมืองจีน ครับ ( อีกสิ่งที่สามารถมองเห็นได้จากนอกโลก คือ พิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ ที่แม่น้ำคงคา ประเทศ อินเดีย ซึ่งครั้งล่าสุด   มีผู้คนมาร่วม พิธีมากเสียจน สามารถ มองเห็นได้จากนอกโลก)

  เกริ่น มาเสียตั้งนานครับ ได้เวลาพาทุกท่านไป ออกกำลังขึ้น กำแพงเมืองจีน กันแล้ว กำแพงเมืองจีน นั้นมีหลายช่วง มากมายเหลือ   คณานับ บางส่วน เสื่อมโทรม บางส่วนได้รับการบูรณะ และเปิดให้ท่องเที่ยวได้ ส่วน ที่ผมไปนี้ จะเป็นส่วน ที่อยู่ท้ายที่สุด และ   สำคัญที่สุดครับ เพราะเปรียบดั่ง ปราการด่านสุดท้าย ก่อนเข้าสู่เมืองหลวงนั่นเอง ซึ่ง ก็จะอยู่ใกล้กับ มหานครปักกิ่ง ไม่เกิน 100   กิโลเมตร เท่านั้น ซึ่ง กำแพงเมืองจีน ช่วงนี้ จะมีชื่อเรียก ว่า ปัตเตอร์ลิง ซึ่ง จะต่างกับจุดอื่นๆ ตรงที่ จะเป็นการก่อสร้างกำแพง แบบ โอบ   ล้อม แล้ว บีบทัพข้าศึกให้เดินทัพ เข้า มา ปิดประตู ประตีแมว เป็น การก่อสร้างที่ ชาญฉลาด มากที่สุด เนื่องจากใช้   ธรรมชาติให้เป็นประโยชน์ กำแพง ช่วงนี้ จึงสร้างบนสันเขาที่สูง ชัน และ เมื่อข้าศึกเดินทัพมา จะไม่สามารถรู้ได้เลยว่า กำลังจะ ถูก   ตีโอบด้วย กำแพง เมือง ที่ตั้ง ตะหง่านรอท่าอยู่

มองจากในป้อมย้อนแสงออกไป สวยงามดีครับ

หมอกลง จางๆ กับแสงดีทอง ยามเช้า

  นับเป็นโชคดีของผมที่ ได้มาเยื่อนที่นี่ในเวลาเช้าตรู่ ซึ่ง หมอกลงเสียด้วย และยิ่งโชคดีเข้าไปใหญ่ ที่การเดินทางครั้งนี้   เมื่อผมได้กล้องตัวใหม่มาด้วย คราวนี้คงได้ภาพสวยๆ แน่นอน ผมเริ่มต้นเดิน จากบริเวณด้านล้างของกำแพง ซึ่ง เมื่อเราแหงนหน้าขึ้นไป   ก็ท้อเสียแล้ว เพราะความสูงชันของ ภูเขา นั้น ชันมากครับ และ ขั้นบันไดของ กำแพง ช่วงนี้จะสั้น และ ชิดมาก   เนื่องจากสภาพของภูมิประเทศนั่นเอง จนมีการขายของที่ระลึก ในแบบที่เป็นนัยๆว่า การได้ขึ้นไปบน กำแพงเมืองจีน ถือว่าเป็นฮีโร่   เลยก็ว่าได้ ตลอดการเดินขึ้นไปนั้น มีเพื่อนๆ หลากหลายชาติ พยายามเดินขึ้นเช่นเดียวกับผม ต่างก็ยิ้มทักทายกัน บ้างก็ นั่งพัก เหนื่อย   กันตามขั้นบันได ซึ่งถือว่า สะดวกที่สุดแล้ว อยากจะนั่งตรงไหน ก็ นั่งไปเลย แต่ก็นั่งนาไม่ได้ครับเพราะ จะหมดแรงไปเสียก่อน   แต่ละช่วงของการเดินนั้น จะมีป้อม คั่นตามกำแพงซึ่ง บางป้อม นั้น สามารถ เข้าไปเดินข้างในได้   ผมพยายามเดินอย่างต่อเนื่องเพื่อไม่ให้เสียเวลา และ จากที่คาดการณ์เอาไว้ ว่าตอนลงนั้นชันมาก ควรไปพักเอาแรงให้ขาหายล้าก่อน   เพราะ   ถ้าลงตอนขาล้าๆ นั้น อาจพลาดได้ และความชันของที่นี่ คงทำให้ อวัยวะ หลายๆ ส่วนหักแน่นอน

  เมื่อเดินมาถึงจุดที่หมายมั่นไว้ ว่า จะหยุด ก็ มองไปรอบๆ ตัว ทิวทัศน์ที่สวยงามจับใจ ก็อยู่รอบๆ ตัวเรา พร้อมกับ สายหมอก ขาว ๆ   ตัดกำแสงสีแดงทอง ที่สาดส่องจากวงอาทิตย์ ช่างงดงามเสียจริง อากาศ ช่างสดชื่น และ สบาย ทำให้หายเหนื่อย และลืม ความล้า ที่ขา   ไปโดย ปริยายเมื่อมาถึง จุดนี้ ก็ได้มองเห็นอีกสิ่งหนึ่ง ที่ซ่อนอยู่ คือ ลักษณะนิสัยอดทน ของคนจีนครับ เขาจะสร้างสิ่งเหล่านี้ได้อย่างถ้า   ไ่ม่มีความอดทน เพียงพอ คงไม่สามารถทำได้ แม้กระทั่ง ถนนหนทาง ในชนบทของจีนปัจจุบันนี้ ก็ยังใช้แรงงานคนทำทั้งหมด   ซึ่งทำได้ดี และ ปราณีต มาก แสดงให้เห็นถึงารปลูกฝังลูกหลาน ให้มีความอดทน จากรุ่นสู่รุ่น ครับ

ทางเดินบางช่วง มีผู้คนเอากุญแจมาผูกคล้องกัน เป็นการแก้เคล็ด อะไรสักอย่าง

  หลังจากที่อิ่มเอมใจกับ ทิวทัศน์แล้วผมก็เริ่มเดินลง ครับ ระหว่างทางก็เก็บภาพไปเรื่อย กำแพงเมืองจีน วันนี้ ช่างสวยเสีย จริงๆ   ผมยังเองยังอยากเดินทางไปเที่ยวชม กำแพงเมืองจีน ส่วน อื่นๆ อีก เพราะเคยมีคำกล่าวที่ว่า กำแพงเมืองจีน มีความยาวหลายหมื่นลี้   มีทิวทัศน์ ที่ไม่เคยซ้ำกัน ในแต่ละช่วง และ แต่ละวัน สำหรับวันนี้ผมเองคงต้องขอลาทุกท่านไปก่อนครับ   อยากให้ท่านได้ชมภาพกันเอาเองครับ สวัสดีครับ