>บั้งไฟพญานาค 2547

โอกาสก็น้อย กว่าจะถ่ายได้ หืดขึ้นคอเลยครับ

   สวัสดีครับ หลังจาก ออกพรรษาที่ผ่านมา หลายๆ ท่านคงได้เดินทางท่องเที่ยว ไปตามสถานที่ต่างๆ ตามแต่จะปราถนา    แต่ผมเชื่อว่าหลายๆ ท่านคง ได้เดินทางไปชม ปรากฏการณ์ บั้งไฟพญานาค แถบๆ จังหวัด หนองคาย กัน

   ผมเองก็เป็นคนหนึ่ง ที่มีโอกาสได้เดินทางไป ชม บั้งไฟพญานาค ทุกๆปีเช่นกัน แต่วันนี้ ผมะขอรายงาน เหตุการณ์ การชม    บั้งไฟพญานาค ปี 2547 นี้ สำหรับท่านที่ไม่ได้เดินทางไปชม ให้ฟังกันครับ

   ทุกๆปี ผมจะเดินทางไปชม บั้งไฟพญานาค ที่บ้านน้ำเป อ. โพนพิสัย จ .หนองคาย และปีนี้ก็เช่นกัน ผมเดินทางมาถึงแถบๆ บ้านน้ำเป    เวลาประมาณ 18.00 น. ซึ่งขณะนั้น รถก็เริ่มติดแล้ว ครับ ปีนี้คึกคัก กว่าปีก่อนๆ เพราะโรงแรมเต็มข้ามปีเลยทีเดียว    เมื่อเข้าถึงบริเวณงาน มีผู้คนมาชมกันอย่างเนืองแน่น ในบริเวณรอบๆ นั้น มีร้านค้าของชาวบ้านมากมาย บางร้านนั้น บอกว่า    ธรรมดาไม่เคยขายของ แต่พึ่งเคยลองขายของครั้งนี้ครั้งแรก

   นับว่าเป็นการสร้างรายได้ เข้าสู่ชุมชนได้อย่างดี มิใช่แค่แถบ บ้านน้ำเปเท่านั้น ตามข้างทางที่ผ่านมา ตลอดทาง มีจุดจอดรถชม    บั้งไฟพญานาค ตลอดทางเลยครับก็คง เหมือนๆ กับปีที่ผ่านๆมา แต่ปีนี้ก็ดูจะคึกคัก มิใช่น้อย

ร้านรวง ต่างๆ ขายดีเทน้ำเทท่า

   ผมได้จองที่นั่งเอาไว้ ด้วย เพื่อความสะดวกสบาย ในการชมเพราะต้องนั่งนานจึงซื้อขนม และ น้ำตุนเอาไว้เต็มเลย นั่งรอไปเรื่อยๆ ปีนี้    เวลาผ่านไปนาน พอสมควร แล้ว ทางต้น น้ำก็มีการลอยเรือไฟ เพื่อ เป็นการบวงสรวง พญานาค

ไหลเรือไฟ เป็น พุทธบูชา

   การลอยเรือไฟ หรือ ไหลเรือไฟ ในวัน ออกพรรษา นี้ นับเป็น พุทธบูชาอย่างหนึ่ง ครับ เนื่องจากความเชื่อตามพุทธ ประวัติ ว่า     ในวันออก พรรษา พระพุทธเจ้า จะเสด็จลงจาก สวรรค์ ชั้นดาวดึงส์ หลังจากโปรด พระพุทธมารดาเสร็จแล้ว จึง มีประเพณี    การไหลเรือไฟ เพื่อเป็นการส่งสัญญาณ และ แสดงความเคารพ ต่อการเสด็จลงจากสวรรค์ ชั้นดาวดึงส์นั่นเอง

   เรือไฟ ผ่านไป สองสามลำ บั้งไฟก็ยังไม่มีวี่แวว ว่าจะขึ้นมาให้เราได้ชม นับว่าแปลกมาก เพราะ ธรรมดาแล้ว เวลา ประมาณ 3 – 4    ทุ่มจะต้องเริ่มขึ้นแล้ว มีเพียงแต่ การจุดโคม ประทีบลอยกันทั่วไปหมด

  บั้งไฟพญานาคนั้น เกิดจาก การหมักหมม ของ ซากต่างๆ ใต้ชั้นผิวทราย ในลำน้ำโขง เกิดเป็น ก๊าซ มีเทน และ ไนโตรเจน   ซึ่งสามารถติดไฟได้ง่าย และ จะลอยขึ้นมาเหนือผิวน้ำ เนื่องจาก มีแรงดันเพิ่มขึ้น และ โลกทำมุมกับ ดวงจันทร์ และ ดวงอาทิตย์   ในช่วงวันออกพรรษา พอดี จึงเกิด ปรากฏการณ์ ดังกล่าว นี่ก็เป็น ข้อสรุปทางวิทยาศาสตร์ ที่หลายๆคนคงเคยทราบมาบ้าง   แต่สำหรับผมเองนั้น

  ก็มิได้ ไม่เชื่อว่าพญานาค จะไม่มีจริง ผม เชื่อว่า มีจริง แต่ปัจจุบันอาจ สูญพันธุ์ หายไปหมดแล้ว เพราะ ตั้งแต่อดีตถึง ปัจจุบัน ชาวเอเซีย   มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับ สัตว์เลื้อยคลาน รูปร่างคล้ายพญานาค มาเรื่อยๆ ตั้ง ในจีน ก็มี มังกร ทางแถบ อินเดีย และ ไทย ลาว พม่า เขมร นั้น   ก็มีเรื่องเกี่ยวกับพญานาค อยู่มาก ผมจึงเชื่อว่า ครั้งหนึ่ง อาจมีสัตว์ รูปร่างหน้าตา แบบนี้ อยู่ก็ได้ แต่คงไม่มี อิทฤทธิ์ แบบที่เชื่อกัน

  หลังจากที่ผมรอมานาน ก็ยังไม่มี บั้งไฟพญานาค ขึ้นมาให้เห็น โทร กลับมา ที่กรุงเทพฯ ตรวจสอบ เพื่อนที่ชมข่าว ก็ได้ความว่าไม่มี   รายงานว่าใครเห็นเลย จึงตัดสินใจกลับเข้าที่พัก

  ในวันรุ่งขึ้น จะตรงกับออกพรรษา ลาว ซึ่ง เพื่อนชาวลาวของผม ที่ได้โทรคุยกัน ก็มั่นใจว่าวันนี้ต้องขึ้นแน่นอน จึงตัดสินใจ   เดินทางมาชมอีกรอบ แต่วันนี้ผมไปชมที่บ้านปากสวยครับ

  เวลา ประมาณ 2ทุ่มครึ่ง ก็ปรากฏบั้งไฟลูกแรก ขึ้นมา ดีใจมากเลยครับ อย่างน้อย ก็ยังไม่ถึงกับไม่มี คราวนี้เลยต้องตั้งหน้า ตั้งตารอ   ในที่สุด ประมาณ 3 ทุ่มเศษ นั้น ก็ได้มีขึ้นอีกลูกหนึ่ง คราวนี้ ถ่ายไว้ได้ทัน จึงๆได้ภาพกลับมาฝากทุกท่านสมใจ ผมนั่งรอต่อไปเรื่อยๆ   ก็ไม่มีขึ้นมาอีกเลย จึงตัดสินใจกลับ เข้าที่พัก เพราะ นอนดึกทุกวันเลยครับ ไม่ไหว

  เหตุที่บั้งไฟพญานาค มีจำนวนน้อยลงนั้น ผมว่า น่าจะมีเหตุจาก ระบบนิเวศน์ ในแม่น้ำโขง อาจเสื่อมลง หรือ เปลี่ยนแปลง ก็เป็นได้ และ   อีกเหตุหนึ่ง นั้น ก็อาจเป็นเพราะ การสร้างเขื่อนกั้นน้ำ ในประเทศจีน ด้วย ในปีต่อๆไป อาจ จะไม่ได้ชมบั้งไฟ พญานาค อีกเลยก็ได้   น่าเสียดายนะครับ ปีนี้หลายๆ ท่านก็คงผิดหวัง อยู่ไม่น้อย เพราะ ขึ้นน้อยมาก แถมบางครั้ง ยังมองไม่ทันอีก ผมเองก็ผิดหวังพอสมควร   สำหรับผมนั้น เห็นว่า หากเรายังต้องการจะชมบั้งไฟพญานาค ต่อไป เราควรต้องดูแล สิ่งแวดล้อมกันให้มากขึ้นครับ   วันนี้ลาไปก่อนนะครับ สวัสดีครับ

บรรยากาศบริเวณจุดชม บ้านน้ำเป