วันที่ 1 กรุงเทพ-ไคโร (-/-/D) 07.00 น. คณะพร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออก ชั้น 4 ประตูทางเข้าที่ 7-8 แถว Q 09.15 น. เหินฟ้าสู่กรุงไคโร ประเทศอียิปต์ โดยสายการบินกาตาร์ แอร์เวย์ เที่ยวบินที่ QR 613 12.15 น. แวะเปลี่ยนเครื่องที่เมืองโดฮา ประเทศกาตาร์ 13.00 น. ออกเดินทางต่อ โดยสายการบินกาตาร์ แอร์เวย์ เที่ยวบินที่ QR 512 15.25 น. เดินทางถึงสนามบินนานาชาติกรุงไคโร ประเทศอียิปต์ (ตามเวลาท้องถิ่น) ท่านอาจแลกเงินอียิปต์ (ปอนด์) ได้ที่สนามบินก่อนที่จะเข้าด่าน ต.ม. ประเทศอียิปต์ กรุงไคโร นครหลวงของประเทศอียิปต์ ซึ่งถือเป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดในทวีปแอฟริกา เย็น ให้ท่านได้เพลิดเพลินกับการช้อปปิ้งที่ตลาด ตลาดข่านเอลคาลีลี (Khan el Khalili Bazaar) ท่านสามารถเลือกซื้อของพื้นเมืองสวยๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นขวดน้ำหอมที่ทำด้วยมือ สินค้าที่ทำจากหนังอูฐ เครื่องทองรูปพรรณ พรม และเพชรพลอยลวดลายแบบอาหรับ (อย่าลืมซื้อจี้ที่ทำด้วยทองคำหรือเงิน แกะสลักชื่อแบบภาษาอียิปต์โบราณ (Hieroglyphic Characters) ของท่านหรือญาติมิตร เพื่อเป็นของฝาก ในรูปทรงยาว สวยและแปลกมาก ซึ่งมีภาษาพื้นเมืองว่า “คาร์ทูซ” แปลว่ามีอายุยืนยาว ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ โรงแรม พักที่ GRAND PYRAMIDS HOTEL ระดับ 4 ดาว // หรือเทียบเท่า
วันที่ 2 ไคโร-อเล็กซานเดรีย-ไคโร (B/L/D)
07.00 รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม 08.00 นำท่านเดินทางสู่เมืองอเล็กซานเดรีย ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง เมืองนี้ใหญ่เป็นอันดับสอง ของประเทศ ซึ่งเป็นเมืองสำคัญในสมัยโรมันปกครองอียิปต์ เดิมทีเป็นหมู่บ้านประมงเล็กๆ ที่ชื่อว่า ราคอนดาห์ โดยเมื่อประมาณ 1,200 ปีก่อนคริสตกาล จนเมื่อ 332 ปีก่อนคริสตกาล หรือประมาณ 2,300 กว่าปีก่อน พระเจ้า อเล็กซานเดอร์มหาราชเดินทางมาพบ จึงให้มีการปรับปรุงขยายเมืองเพื่อเป็นเมืองหลวงและตั้งชื่อให้คล้องจองกับชื่อของพระองค์ นอกจากนี้เมืองอเล็กซานเดรีย ยังเป็นสถานที่สำคัญในตำนานรักอันยิ่งใหญ่ของ พระนางคลีโอพัตรา และ จอมทัพผู้กล้าแห่งโรมัน มาร์ค แอนโทนี ซึ่งเรารู้จักกันดี ปัจจุบันเป็นเมืองพักผ่อนตากอากาศ ที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของโลก จากนั้นนำท่านชม หลุมฝังศพใต้ดิน Cata Comb เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์แห่งโลกยุคกลาง สุสานของชาวโรมันในอดีต สุสานใต้ดินแห่งนี้มีสามชั้น ชั้นที่ 1 มีไว้สำหรับเตรียมการปลงศพ ชั้นที่ 2 เป็นที่เก็บรักษา และชั้นที่ 3 ใช้เป็นสถานที่ทำพิธีการรำลึกถึงผู้ตาย โดยมีการเลี้ยงสังสรรค์กันทั้งวัน เล่ากันว่าตอนที่นักโบราณคดีค้นพบที่นี่เป็นครั้งแรกบนโต๊ะ ยังมีขวดไวน์และจานวางอยู่ อิสระให้ท่านเดินเล่นในเมือง นำท่านชม เสาปอมเปย์ Pompey Pillar สิ่งสำคัญโบราณในสมัยโรมันปกครองอียิปต์ เป็นเสาแกรนิตสูง 27 เมตร สถานที่นี้ในอดีตยังเคยมี อาโครโปลิส ซึ่งมีชื่อว่า เซราเปียม สร้างขึ้นเพื่อถวาย เทพเซราปิส ในสมัยของ ปโตเลมี แต่ในที่สุดถูกทำลายโดยพวกคริสเตียน ปัจจุบันนี้เหลือเพียงแค่เสาแบบกรีก ตั้งอยู่อย่างโดดเด่น และ สฟิงซ์อีกสองตัว เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร บ่าย นำท่านชมแวะชม Qaitbay’s Citadel (ป้อมปราการกอย เบย์) จุดที่ตั้งของป้อมปราการ กอย เบย์ เดิมทีแล้วเป็นจุดที่ตั้งของ ประภาคาร(Light house) ซึ่งเป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ในสมัยโบราณของโลก หลังจากที่ประภาคาร ได้พังลงจากการกัดเซาะของนํ้าทะเล สุลต่าน มัมลุก ก็ได้มาสร้างป้อมปราการใหม่ขึ้นที่นี่ ตรงจุดเดิม ของประภาคาร พร้อมกันนั้นได้สร้างสุเหร่า ไว้ในป้อมปราการแห่งนี้ด้วย หลังจากนั้นอีกประมาณ สี่ร้อยปีกว่าๆ ป้อมปราการแห่งนี้ถูกปรับปรุงโดย มูฮัมหมัดอาลี บาช่า ให้อยู่ในสภาพที่สมบรูณ์แบบยิ่งขึ้น ตลอดจนทุกวันนี้ จุดเด่นของป้อมปราการแห่งนี้คือตั้งอยู่ ติดชายฝั่งของทะเล เมดิเตอร์เรเนียน และเป็นจุดชมวิวของชาวอเล็กซานเดรีย และเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวตลอดจนทุกวันนี้ ปัจจุบันป้อมปราการ กอย เบย์ ได้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่โด่งดังที่สุดแห่งหนึ่งของเมือง อเล็กซานเดรีย และได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเยี่ยมชมตลอดทั้งปี จากนั้นเดินทางกลับสู่ไคโร ค่ำ รับประทานอาหารค่ำแบบบุปเฟ่ต์บนเรือล่องไปตามแม่น้ำไนล์ ชมบรรยากาศอันงดงามยามค่ำคืน สองฟากฝั่งแม่น้ำและชมการแสดง ระบำหน้าท้อง (Belly Dance) อันเลื่องชื่อของอียิปต์
พักที่ GRAND PYRAMIDS HOTEL ระดับ 4 ดาว //หรือเทียบเท่า
วันที่ 3 ไคโร-กิซ่า-พิพิธภัณฑ์-โมฮัมเหม็ดอาลี-อัสวาน (B/L/D) เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม 09.00 น เดินทางสู่ที่ราบกิซ่า ทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำไนล์ ซึ่งชาวอียิปต์โบราณถือว่าเป็นดินแดนที่ชาวอียิปต์โบราณจะใช้ชีวิตหลังความตาย นำท่านชม มหาปีรามิด Giza หนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณ ซึ่งเป็นแห่งเดียวในโลกที่ยังหลงเหลืออยู่และคงสภาพ อยู่อย่างเกือบสมบูรณ์ เป็นที่ซึ่งองค์ฟาโรห์แห่งอียิปต์โบราณสร้างขึ้นเพื่อฝังพระศพของพระองค์เอง นับเป็นสิ่งก่อสร้างที่ยิ่งใหญ่และเก่าแก่ที่สุดของโลก ใช้เวลาก่อสร้างทั้งสิ้น 30 ปี โดยใช้ก้อนหินซึ่ง หนักก้อนละ สองตันครึ่ง มากกว่าสองล้านสามแสนก้อน ซึ่งปัจจุบันนี้ ทั้งนักวิทยาศาสตร์และนักโบราณคดีต่างลงความเห็นว่าพีรามิดแห่งกิซ่าแห่งนี้ นับเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่ไม่สามารถสร้างขึ้นใหม่ได้ตามทฤษฎีและเทคโนโลยีของปัจจุบันนี้ เพราะการลำเลียง หินที่มีขนาดใหญ่เช่นนี้ ต้องคำนวณการวางตำแหน่งอย่างแม่นยำ และใช้จำนวนคนสร้างมหาศาล และหินขนาดใหญ่แต่ละก้อนวางชิดติดกันแบบแนบสนิทมาก แม้แต่กระดาษก็สอดไม่ผ่าน จึงเป็นเรื่องมหัศจรรย์อยู่จนถึงทุกวันนี้ จากนั้นนำท่านไป ชม “สฟิงซ์ Sphinx” ซึ่งแกะสลักจากเนินหิน ธรรมชาติ มีส่วนหัวเป็นรูปพระพักตร์ ของฟาโรห์และมีลำตัวเป็นสิงโต เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน (หากมีเวลา ให้ท่านได้ทำธุระส่วนตัว ก่อน check out จากโรงแรม) บ่าย นำท่านชม ซิตาเดล (Citadel) สร้างในปี ค.ศ.1830 และเสร็จใน ปี ค.ศ.1848 ป้อมปราการโบราณที่สร้างบนเนินเขาภายในบริเวณป้อมสร้างเป็นสุเหร่าหินอ่อนอันสวยงามมีชื่อว่า สุเหร่าของโมฮัมเหม็ดอาลี สุเหร่าแห่งนี้มีความสำคัญมากสำหรับชาวอียิปต์ สุเหร่าแห่งนี้ทำให้ชวนนึกถึง บลูมอส Blue Mosque ของอิสตันบูล ที่ตุรกีเอามากๆ เรื่องอิทธิพลการรับส่งรูปแบบทางสถาปัตยกรรม และศิลปกรรมนี้ เป็นสิ่งที่แน่นอนอยู่แล้วทางประวัติศาสตร์หลีกเลี่ยงมิได้ นำท่านเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ สถานแห่งชาติอียิปต์ อันเลื่องชื่อ สร้างเสร็จในปี 1902 ในพิพิธภัณฑ์นี้ เขาห้ามนำกล้องถ่ายรูป เข้าไปในพิพิธภัณฑ์ จะต้องผ่านเอ็กซเรย์ก่อนเข้าชมภายใน พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นสถานที่ที่รวม ศิลปวัตถุโบราณมากมายที่สุดในอียิปต์ สิ่งที่น่าสนใจที่สุดในพิพิธภัณฑ์นี้คือ ห้องเก็บพระมหาสมบัติ ของฟาโรห์ตุตันคาเมน ฟาโรห์หนุ่มที่สิ้นพระชนม์อย่างปริศนาเมื่อพระชมน์ได้เพียง 19 พรรษาเท่านั้น ในทางกลับกันชื่อเสียงพระองค์เป็นฟาโรห์ที่โลกรู้จักมากที่สุดยิ่งกว่ารามเซสที่ 2 เนื่องจาก กรุสมบัติอันมหาศาลน่าตกตะลึงของพระองค์ ชมโลงศพทองคำแท้พร้อมหน้ากากทองคำที่ใช้สำหรับ สวมลงบนร่างมัมมี่ของพระองค์ และสมบัติส่วนตัวอีกมากมายของพระองค์ อาทิเช่น เตียงบรรทม รถศึกและเก้าอี้บรรลังก์ทองคำ ซึ่งภาพบนพนักเก้าอี้โรแมนติกมาก เป็นภาพของฟาโรห์ตุตันคาเมนนั่งอยู่บนเก้าอี้และมเหสีของพระองค์กำลังทาน้ำมันหอมให้ ทั้งคู่ใส่รองเท้าแตะคนละข้างอันแสดงถึงความรักอันลึกซึ้ง นอกจากนี้ท่านยังจะได้ชมสมบัติอันล้ำค่าอื่นๆ อีกจำนวนมาก เช่น แหวน สร้อย ข้อมือ สร้อยคอ ฝีมือประณีต สิ่งของทั้งหมดล้วนมีอายุเก่าแก่กว่า 3,300 ปีที่ขุดพบในสุสานของพระองค์ในนครธีปส์ เย็น ได้เวลาสมควรนำท่านเดินทางสู่สถานีรถไฟ 20.45 น. ออกเดินทางสู่อัสวานโดยรถไฟตู้นอนปรับอากาศ รับประทานอาหารค่ำบนรถไฟ
วันที่ 4 อัสวาน (B/L/D)
07.00 น รับประทานอาหารเช้าบนรถไฟ 10.00 น. เดินทางถึงอัสวาน จากนั้นนำท่านเข้าสู่ที่พัก BASMA HOTEL เพื่อทำธุระส่วนตัว เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน บ่าย นำชมเสาหินโอเบลิสก์ (The Unfinished Obelisk) ที่สลักจากหน้าผาซึ่งยังไม่แล้วเสร็จ ซึ่งเสาโอเบลิสก์ต้นนี้ ถ้าสร้างเสร็จ จะเป็นเสาต้นที่มี ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก สูงกว่า 41 เมตร ฐานแต่ละด้านยาวเกือบ 4 เมตร รูปทรงฐานเกือบ จะเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส น้ำหนักกว่า 1,300 ตันจุดเด่นของที่นี่คือเพื่อให้ทราบถึงการแกะสลัก แยกชิ้นส่วนหินออกจากภูเขา ด้วยเทคนิคโบราณคือการใช้ไม้และน้ำ เมื่อแยกเสาออกจากภูเขาแล้ว เสาหินก็จะถูกนำออกไปตั้งวางแกะสลักลวดลายและทำการสักการะบูชาต่อไปยังเมืองต่างๆ เสาโอเบลิสก์นี้เป็นอนุสาวรีย์ชนิดหนึ่งของอียิปต์โบราณ ซึ่งหมายถึงแสงสว่างและชีวิต ดังนั้นเสาโอเบลิสก์จึงสร้างขึ้นเพื่อเป็นการบูชาแด่เทพ “อามุน-รา” หรือสุริยะเทพนั่นเอง จากนั้น นำท่านเดินทางสู่ วิหารแห่งฟิเล (Philae Temple) ตั้งอยู่บนเกาะศักด์สิทธิ์เป็นเกาะเล็กๆ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองอัสวานมากนัก วิหารแห่งนี้ซึ่งฟาโรห์ในราชวงศ์ปโตเลมี สร้างขึ้นเพื่อบูชาเทพไอซิส บริเวณวิหารประกอบไปด้วยเสาระเบียง ซึ่งสลักลวดลายเกี่ยวกับพิธีบูชาเทพเจ้าและด้วยลวดลายสลักต่างๆ ที่ถูกปรับเปลี่ยนนั้น แสดงถึงอิทธิพลจากกลุ่มคริสต์ที่ได้เข้ามาในอียิปต์ ก่อนนี้วิหารแห่งนี้จะโดน นํ้าท่วมทุกหกเดือน จึงทําให้บางส่วนของวิหารนี้ถูกนํ้ากัดเซาะ หลังจากนั้นทาง ยูเนสโก้ ก็ทําการแยกส่วนวิหารแห่งนี้แล้วก็เคลื่อนย้ายขึ้นมาประกอบใหม่ที่เกาะอากิลิก้า โดยสูงกว่าระดับนํ้า 20 เมตร ใช้เวลาในการเคลื่อนย้ายและประกอบ ทั้งหมด 8 ปี เย็น รับประทานอาหารเย็น จากนั้นนำท่านเข้าสู่ที่พัก พักที่ BASMA HOTEL ระดับ 4 ดาว //หรือเทียบเท่า
วันที่ 5 อัสวาน – อบูซิมเบล – อัสวาน (B/L/D)
02.00 น. ปลุกตื่น 03.00 น. ออกเดินทางสู่วิหารอาบูซิมเบล (ใช้เวลาในการเดินทาง 3 ชั่วโมง) รับประทานอาหารเช้าบนรถ (อาหารแบบกล่อง) 07.00 น. เดินทางถึง “มหาวิหารอาบูซิมเบล” ซึ่งประกอบด้วยวิหารของ ฟาโรห์รามเซสที่ 2 และวิหารของ พระนางเนเฟอร์ตารี ซึ่งเป็นมเหสีที่รักของพระองค์ วิหารอาบูซิมเบลนี้งดงามและยิ่งใหญ่ และมีชื่อเสียงก้องโลก เพราะเมื่อมีการสร้างเขื่อนขนาดยักษ์ที่ อัสวาน จะทำให้วิหาร 17 แห่ง จมลงอยู่ใต้น้ำ จนองค์การยูเนสโก้ ต้องมาช่วยยกย้ายให้พ้นน้ำ วิหารอาบูซิมเบลแห่งนี้ก็ถูกยกสูงจาก พื้นดิน 65 เมตร ซึ่งเป็นงานที่ยากมาก ใช้เวลาทั้งสิ้น 4 ปี เสียค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น 40 ล้านเหรียญสหรัฐ ภายในวิหารมีห้องบูชา และมีรูปสลัก 4 องค์นั่งอยู่หนึ่งในนั้นคือ ฟาโรห์รามเซสที่ 2 พร้อมด้วยเทพเจ้าต่างๆ อีก 3 องค์ และทุกปี ในวันที่ 22 ก.พ. และวันที่ 22 ต.ค. ลำแสงแรกของพระอาทิตย์จะสาดส่องเข้าไปต้องรูปสลัก และว่ากันว่าวันที่ 22 ก.พ. ตรงกับวันประสูติของฟาโรห์รามเซสที่ 2 ขณะที่วันที่ 22 ต.ค.ตรงกับวัน ขึ้นครองราชย์ของพระองค์ แสดงให้เห็นถึงความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาการทางการคำนวณของชาว อียิปต์ในสมัยโบราณ นอกจากนี้ ความน่าทึ่งของภาพวาดสี และลวดลายต่างๆ ภายในนั้นอดทำให้ชื่นชมคนโบราณมิได้ที่สามารถสร้างผลงานอันอลังการได้อย่างน่าทึ่ง (ใช้เวลาเยี่ยมชมประมาณ 1 ชั่วโมง) 09.30 น. ออกเดินทางกลับสู่อัสวาน บ่าย นำชมความงามของเขื่อนยักษ์ แห่งอัสวาน (High Dam) ซึ่งสร้างขวางกั้นแม่น้ำไนล์ทั้งสายให้กลายเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดยักษ์ สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าให้ใช้ได้ทั้งประเทศอียิปต์ เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร จากนั้นนำท่าน นั่งเรือเฟลุกกะ (Felucca) ซึ่งเป็นเรือใบเสาเดี่ยวสไตล์อียิปต์ เป็นเรือที่ไม่มีกลไกขับเคลื่อน เพราะใช้แรงลมเพื่อเคลื่อนที่อย่างเดียว ชมวิวทิวทัศน์อันงดงามตามลำน้ำ ลมพัดเย็นสบายตลอดทางชม ชมวิวทิวทัศน์อันงดงามของสวนพฤกษชาติ Botanical Gardens ซึ่งมีพฤกษชาติหลากพรรณนำมาจาก นานาประเทศ ชมทิวทัศน์ภายนอกของสุสานของอากาข่าน (Agha Khan Mausoleum) ซึ่งเป็นประมุข ของศาสนาอิสลามผู้ล่วงลับ บนยอดเขาฝั่งตกวันตกของแม่น้ำไนล์ เย็น รับประทานอาหารเย็น จากนั้นเยี่ยมชมตลาดอัสวานยามคํ่าคืน ซื้อของพื้นเมืองอัสวาน จากนั้นนำท่านเข้าสู่ที่พัก พักที่ BASMA HOTEL ระดับ 4 ดาว //หรือเทียบเท่า
วันที่ 6 อัสวาน-คอมออมโบ-เอ็ดฟู-ลักซอร์ (B/L/D)
06.00 น. รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม 07.00 น. ออกเดินทางสู่เมืองคอมออมโบ (Kom Ombo) ซึ่งเป็นเมืองหลวงทางใต้ของอียิปต์ ชุมชุนที่ตั้งอยู่ติดริมแม่น้ำไนล์ มีประชากรอาศัยอยู่ราวกว่า 6 หมื่นคน ระหว่างทาง ท่านจะได้ชมต้นไม้และพรรณไม้สองข้างทางโดยเฉพาะต้นอินทผาลัม เนื่องจากดินแดนทะเลทรายแห่งนี้ เป็นแหล่งที่มีรายได้มาจากการเพาะปลูกต้นอินทผาลัม ชมวิหารคอมออมโบ (Temple of Komombo) ที่สร้างเพื่อถวายแด่เทพเจ้า 2 องค์ ฝั่งขวาคือ เทพ “ซีเบค” (Sebek) เป็นเทพแห่งความอุดมสมบูรณ์หรือ เทพผู้สร้างโลก รักษาโรคภัยไข้เจ็บได้ ซึ่งมีเศียรเป็นจระเข้ (แม้แต่จระเข้ที่นี่ยังนำมาทำเป็นมัมมี่ได้เช่นเดียวกัน) และฝั่งซ้ายคือเทพ “ฮอรัส” (Horus) ที่มีเศียรเป็นเหยี่ยว เป็นเทพแห่งสงคราม ซึ่งได้รับการนับถืออย่างมากจากชาวอียิปต์ ที่ผนังยังปรากฏภาพสลักเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์ที่น่าทำให้คิดว่าปัจจุบันคงได้รับอานิสงค์ จากอดีตก็เป็นได้ นำท่านเดินทางต่อสู่เมือง เอ็ดฟู (Edfu) เข้าชมวิหารเอ็ดฟู (Temple of Edfu or Temple of Horus) ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นวิหารอียิปต์โบราณที่ยังคงสภาพสมบูรณ์ที่สุด เป็นวิหารขนาดใหญ่ที่สวยงาม สร้างขึ้นเพื่อบูชา เทพฮอรัส (Horus) มีเศียรเป็นเหยี่ยว เป็นเทพเจ้าแห่งความดีและฉลาดรอบรู้มองได้ไกลเหมือนเหยี่ยว ขนาดของวิหารนี้ มีความกว้างบริเวณซุ้มถึง 79 เมตร และมีความยาวถึง 137 เมตร มีหลักฐานแกะสลักไว้ว่า เริ่มก่อสร้างเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม ปี 237 ก่อนคริสต์ศักราช นอกจากนี้ยังมีเครื่องวัดระดับน้ำ ซึ่งเรียกว่า ไนล์โลมิเตอร์ ที่เป็นตัวช่วยประเมินการบอกปริมาณผลผลิตในแต่ละปี และทำให้ทางการสามารถกำหนด ระดับภาษีที่ต้องเก็บจากประชาชนได้ 11.45 น. เดินทางสู่เมืองลักซอร์ (Luxor) เมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นฮาเร็ม แห่งทักษิณที่เคยรุ่งเรืองเมื่อ 5,000 ปีมาแล้ว ซึ่งตั้งอยู่ตอนใต้ของนครธิปส์โบราณ (Thebes) เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน อาหารกลางวันแบบกล่อง 13.00 น เดินทางถึงลักซอร์ จากนั้นเดินทางข้ามไปฝั่งตะวันตกของแม่น้ำไนล์หรือ นครธีปส์ ในสมัยอียิปต์โบราณ เข้าชม สุสานแห่งธีปส์ ท่านจะได้ชม หุบผากษัตริย์ (Valley of king) ซึ่งเป็นหลุมที่ฝังพระศพของฟาโรห์ 62 พระองค์ ปัจจุบันนี้พบทางเข้าแล้ว 14 หลุม ฟาโรห์ที่มีชื่อเสียงหลายพระองค์ก็ฝังที่นี่ นำท่านเข้าชมหลุมฝังพระศพ ที่งดงามยิ่ง 3 หลุมของฟาโรห์รามเสสที่ 3, 4 และ 9 (ไม่อนุญาตให้ถ่ายรูปภายในหลุมศพ) นำท่านชม เอลเดลบารี (El Deer El Bahari) วิหารของราชินีฮัทเชพซุท (Temple of Queen Hatshepsut) วิหารนี้ได้รับการออกแบบโดยสถาปนิกคนสนิทชื่อ เซเนมุท เมื่อกว่า 3,500 ปีมาแล้ว ซึ่งนักอียิปต์วิยาหลายท่าน ลงความเห็นว่าเซเนมุทเป็นคนรักของราชินีฮัทเชพซุทนั่นเองเป็นสถานที่ประดิษฐานพระศพของ ฟาโรห์หญิงฮัทเชพซุท หรือที่รู้จักกันในนามของ ราชินีหนวด ซึ่งเป็นฟาโรห์หญิงพระองค์เดียวในประวัติศาสตร์อันยาวนานของอียิปต์โบราณซึ่งในสมัยของ พระนางประเทศชาติเจริญรุ่งเรืองมาก จากนั้นนำท่านเยี่ยมชม Colossi of Memnon ซึ่งเป็นซากปรักหักพังของที่ประกอบพิธีศพของฟาโรห์อาเมนโฮเทปที่ 3 ซึ่งปัจจุบันนี้จะมีเพียงรูป แกะสลักของฟาโรห์นั่งบนบัลลังก์ขนาดมหึมา 2 รูปซึ่งสูงถึง 21 เมตร ซึ่งแกะจากหินก้อนเดียว เย็น รับประทานอาหารเย็น จากนั้นนำท่านเข้าสู่ที่พัก พักที่ MERCURE HOTEL ระดับ 4 ดาว // หรือเทียบเท่า
วันที่ 7 วิหารคาร์นัค – วิหารลักซอร์ – โดฮา – กรุงเทพฯ (B/L/D)
05.00 น. รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม 06.00 น. จากนั้น เข้าชมวิหารลักซอร์ (Luxor Temple) ซึ่งเป็นวิหารทรายเนื้อละเอียดที่ใหญ่มาก หน้าวิหารในสมัยโบราณเคยมีเสาโอเบลิสก์ ตั้งอยู่สองต้นเคียงกันแต่ปัจจุบันเสาต้นหนึ่ง ถูกนำไปตั้ง ไว้ที่จัตุรัสคองคอร์ดกรุงปารีส เพื่อเป็นของขวัญแด่จักรพรรดินโปเลียน หลุยส์ โบนาปาร์ท ของฝรั่งเศสในปี ค.ศ. 1835 ในสมัยของ ฟาโรห์รามเซสที่ 2 พระองค์ได้โปรดให้สร้างอุทยานหน้าวิหารนี้และตกแต่งด้วยรูปประติมากรรมทำด้วยหินแกรนิต ควอร์ทไซต์ จากนั้นชม วิหารคาร์นัค (Karnak Temple) ซึ่งประกอบด้วยอาคารใหญ่โตมากมายหลายหลังและเป็นวิหารโบราณที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ได้รับการปฎิสังขรณ์จากฟาโรห์หลายพระองค์ ด้วยวัตถุประสงค์ในการบูชา ครอบครัวเทพเจ้า (Amon-Mut-Knonso) ทางเข้าวิหารมีรูปแกะสลักของสฟิงซ์เป็นแถวสองข้างทาง แต่เป็นสฟิงซ์ที่มีหัวเป็นแพะใช้เป็นทางเดินเชื่อม ระหว่างวิหารลักซอร์และวิหารคาร์นัคในอดีตกาล และที่สวยงามมากคือ Hypostyle Hall หรือห้องเสา ซึ่งประกอบไปด้วยเสาสูง 134 ต้น เรียงเป็นแถว 4 แถว สลักด้วยอักษรและภาพ จากนั้นนำท่านเดินทางสู่สนามบินเมืองลักซอร์เพื่อเดินทางกลับกรุงเทพฯ 11.05 น. เหินฟ้าสู่สนามบินโดฮา ประเทศกาตาร์ โดยสายการบินกาตาร์ แอร์เวย์ เที่ยวบินที่ QR519 14.55 น. แวะเปลี่ยนเครื่องที่โดฮา ประเทศกาตาร์ พิเศษ!! แถมทัวร์โดฮา (ใช้เวลาในการเที่ยวประมาณ 3 ชั่วโมง) นำท่านเที่ยวชมเมืองโดฮา ประเทศการ์ต้า ชมความอลังการของสนามกีฬาที่ใช้ทำพิธีเปิด การแข่งขัน Asian Games 2006 ชมวิวชายหาดเมืองโดฮา จากนั้นเที่ยวช้อปปิ้งในห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ มีสินค้าให้เลือกซื้อหามากมาย เย็น รับประทานอาหารเย็นตามอัธยาศัย เลือกซื้อหาได้ในห้างสรรพสินค้า (ไม่รวมอยู่ในค่าบริการ) 17.30 น. เดินทางกลับสู่สนามบิน 20.45 น. เหินฟ้าสู่กรุงเทพฯ โดยสายการบินกาตาร์ แอร์เวย์ เที่ยวบินที่ QR 612
วันที่ 8 กรุงเทพฯ (-/-/-)
07.45 น. เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ