>ถ้ำเลเขากอบ

   
  

  สวัสดีครับ ทุกท่าน วันนี้ผมจะพาท่านท่องเที่ยวไปในดินแดน ใต้พิภพ ฟังดูลึกลับ ดีนะครับ ไม่ใช่อะไรหรอกครับ   เป็นเพราะสถานที่เที่ยว ในวันนี้อยู่เป็นถ้ำ ใต้ภูเขา นั่นเอง ซึ่งหลายๆ ท่านอาจเคยได้ยิน ชื่อเสียงของที่นี่มาบ้างแล้ว ถ้ำเขากอบ ครับ

  ผมเดินทางมาถึง จ.ตรัง แล้วเดินทางต่อมายัง ถ้ำเลเขากอบ เพื่อเข้าเที่ยวชมแต่เช้า เพราะที่นี่นับว่าได้รับความนิยมสูง และที่สำคัญ   การเข้าชมต้องลงเรือครับ ดังนั้น ในช่วงเวลาเทศกาล คนจะหนาแน่นมาก แต่วันนี้คนไม่มากเท่าไรครับ

  
ฝีพายชาวบ้าน กำลังพาเราเข้าสู่ถ้ำ และ สภาพคลองสู่ตัวถ้ำ

  
ล่องเรือเข้าสู่ภายในตัวถ้ำเล และ ปากถ้ำเลเขากอบ ต้องก้มนิดหน่อย

  เมื่อมาถึงผมก็ลงเรือที่ท่าเรือ เพื่อล่องเรือเข้าสู่ตัวถ้ำ ซึ่งถ้ำเขากอบนั้น เป็นถ้ำน้ำจืด ที่มีขนาดใหญ่ อยู่ใต้ภูเขาถึง 3 ลูกด้วยกัน   สำหรับเรือนั้น ก็เป็นชาวบ้านเปลี่ยน อาชีพมาเป็น มัคคุเทศก์ท้องถิ่นนั่นเอง ล่องเรือสักพัก มาถึงปากถ้ำ ต้องก้มตัวหลบ เพดานถ้ำเล็กน้อย   จึง เข้าได้ เมื่อเข้าไปภายในถ้ำ ยังแบ่งเป็นห้องต่างๆ อีก หลายห้อง เช่น คนธรรพ์ รากไทร เจ้าสาว ฯลฯ   และยังมีหินงอกหินย้อยหลายแบบ ที่นี่มีหินงอกหินย้อยรูปทรงแปลกๆมากมาย ซึ่ง ไกด์ท้องถิ่นได้อธิบายชวนให้ เรา ได้จินตนาการตาม   สนุกดีครับ ทั้ง เป็ดย่าง ช้าง หินตาหินยาย บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ และ ยังมีฟันปลอมอีกด้วย ที่นักท่องเที่ยว ประทับใจก็น่าจะเป็น ห้องเจ้าสาว   ที่มี่ม่านกั้นไว้ และรากต้นไทร ขนาดใหญ่มากๆ ซึ่งตัวต้นนั้นอยู่บนเขา และยังมีหินย้อย ที่สามารถเคาะเป็นเสียงดนตรีได้อีก   เพราะข้างในหินงอก นั้นโปร่งจึงเกิดเสียงดังกังวาลย์ ที่เด่นที่สุด น่าจะเป็นหินงอก รูปร่างคล้าย หลอด กาแฟ ซึ่ง หาชมได้ยาก แต่   ที่นี่มีเต็มไปหมดเลย ทำให้เราเดินเที่ยวชมภายในถ้ำ ได้อย่างไม่เบื่อ ที่สำคัญ อากาศภายในถ้ำยังเย็นสบาย ไม่อึดอัดอีกด้วย

  
แสดงการเคาะหินเป็นเพลง และ บางช่วงต้องก้มบ้าง

  
หินย้อยที่มีแสงระยิบระยับ และ ม่านหินหน้าห้องเจ้าสาว

  เมื่อได้เวลาเราก็เดินทางกลับ และก็มาถึงจุดที่เป็น ไฮไลท์ ของที่นี่ คือการล่องเรือ ลอดท้องมังกร ซึ่งคือเพดานถ้ำ ที่ต่ำมาก   เราต้องนอนลงบนเรือ ไฟเบอร์ ซึ่ง ทุกคน ต้องนอนทั้งหมด รวมทั้ง คนเรือด้วย และเราก็จะเริ่มเข้า สู่ท้องมังกรกันเลย คนเรือ จะใช้มือ   ดันกับเพดานถ้ำไปเรื่อยๆ เพื่อให้ตัวเรือเคลื่อนไปข้างหน้า เป็นระยะทางกว่า 300 เมตร ที่เราต้องนอนแบบนี้ ในบางช่วง เป็นจุดที่วัดใจ   เลย เพราะหินย้อย บนเพดานถ้ำ จะเฉียดปลายจมูกเราไม่ถึง 1 เซนติเมตร เท่านั้น และผ่านไป แท่งแล้วแท่งเล่า   ให้เราได้นอนเกร็งตัวแข็งเพราะหวาดเสียวนั่นเอง เมื่อเดินทางออกมาแล้ว เราจะไปออกยังปากถ้ำอีกด้านครับ ซึ่งเขาเรียกกันว่า ปาก มังกร   แล้วจึงกลับมายัง ท่าเรือเช่นเดิม นับว่าสนุกมากเลยครับ ท่านใดที่ยังไม่เคยไปแนะนำให้ไปลองสัมผัสดูครับ แล้วจะรู้ว่าเมืองไทย มีดี..

  นับว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งที่ ผมมากี่ครั้งก็ยังตื่นเต้นครับ เยี่ยมจริงๆ

  
หลอดกาแฟ ที่เกิดจากหินย้อย รากต้นไทร ที่คล้ายงูตัวใหญ่บนพื้นทราย และเจ้าหน้าที่พาเราลอดท้องมังกร