คำปู้จู้ …. จวนท่าน แอ่วเมืองเหนือ ! บ้านบนดอย บ่มีแสงสี บ่มีทีวี บ่มีน้ำปะปา
ขอขึ้นต้นด้วยเพลงชวนเที่ยวดอยสูง แต่ดอยที่ข้าจ้าวพาไป บ่ได้เป็นจะอี้ นาจ้าว ที่นี่มีแสงไฟ ทีวี ประปา แล้วจ้าว ความเจริญที่มาเยือน ก็มาพร้อม ๆ กับนักท่องเที่ยวที่มาเยือน อู้มาซะนาน ยังไม่บอกเลยวาจะพาไปแอ่วที่ไหน ? ดอยอ่างขางคือ คำตอบของเฮา อ่างข่าง เป็น ยอดดอยสูงจากระดับน้ำทะเล ประมาณ 1,900 เมตร เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาแดนลาว มีอากาศเย็นตลอดทั้งปี ช่วงที่ข้าจ้าวไปประมาณปลายเดือนมกราคม อุณหภูมิเฉลี่ย 4 – 10 องศา
คำปู้จู้ เริ่มเดินทาง จากตัวเมือง เจียงใหม่ แต่ ไปตามทาง ขึ้นสู่ อ. เชียงดาว อ.ชัยปราการ จากนั้น ก็เริ่ม เดินทางขึ้นดอยอ่างขาง เลยคะ เมื่อขึ้นมาแล้ว ก็เริ่มออกเที่ยวก่อนเลย จุดแรกที่น่าสนใจ คือ หมู่บ้านชาวเขา เผ่าปะหล่อง ที่อยู่บริเวณ ชายแดน ไทยพม่า พอดี
สองสาวชาวปะหล่อง น่ารักสดใส มากคะ
เมื่อมาถึงที่หมู่บ้านนอแลปะหล่องแล้ว ก็พบ มัคคุเทศก์ น้อยพื้นบ้าน 2 คน เดินเข้ามาแนะนำตัวกับ คำปู้จู้ สองคนนี้ อยู่ในชุด ประจำเผ่า ด้วยคะ คำปู้จู้ ก็ได้ฟังรายละเอียด ของ ความเป็นมาของ เผ่านี้ ซึ่ง ได้ใจความว่า
“ปะหล่อง” เป็นขื่อที่ชาวไทยใหญ่ใช้เรียก แต่พวกเขาเรียกตัวเองว่า “ อาระดั้ง “ นับถือทั้งผีและพุทธปะปนกัน มีภาษาพูดของตัวเอง แต่ไม่มีภาษาเขียน ลักษณะเด่นของชาวเขาเผ่านี้ คือ ผู้หญิง เด็ก สาว ชรา จะสวมห่วงที่ทำจากหวายชุบยางรักจนมันวาว ไว้ที่เอวตลอดเวลา ทั้งยามทำงาน เข้าป่า หรือนอน ตามความเชื่อ นั้น ก็เพื่อ ป้องกันมิให้ นายพราน มาเอาตัวไป ทำเป็นภรรยา คะ
ตอนนี้ ชาวปะหล่องนั้น มีความเป็นอยู่ สะดวก สบาย มากขึ้น มีเจ้าหน้าที่ ทหาร ต.ช.ด. เข้ามาเป็น ครู คอยช่วยฝึกสอนดูแล ความปลอดภัย ให้อย่างดี ทำให้เด็กๆ ปะหล่อง นั้น สามารถพูดไทยได้อย่างดีเยี่ยม
นี่คือ บริเวณที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เคยเสด็จทอดพระเนตร ออกไปยัง ชายแดนพม่า
นอกจากนั้น ยังมีการส่งเสริมอาชีพ ในงานหัตถกรรม ต่างๆ จำพวก การทอผ้า ซึ่งมีความงามแบบเรียบง่าย และ ลวดลาย ไม่สลับซับซ้อนมากนัก ซึ่งคำปู้จู้ เองก็อุดหนุนมาหลายผืนคะ แหม มาเที่ยวแล้วต้องกระจายรายได้สู่ท้องถิ่นด้วยนะคะ
เพิงเล็กๆ นี้ แหละคะ ที่ชาวปะหล่อง ขายสินค้าหัตถกรรมกัน
นอกจากที่ คำปู้จู้ จะอุดหนุนสินค้าชาวปะหล่องแล้ว ก็ยัง ได้มีโอกาส เอาหนังสือ อ่านเล่นไปฝาก เหล่าทหาร รั้วของชาติอีกด้วย ซึ่งนับว่า การเดินทางของ คำปู้จู้ นั้นมีความหมายมากขึ้นทีเดียว จากการเยี่ยมชม บ้านนอแลปะหล่องแล้ว คำปู้จู้ ก็เดินทางไปสู่ สถานีเกษตรหลวง อ่างขาง ต่อในทันที
สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง
ทางเข้า ต้องเสียค่าเข้าซักหน่อยแต่คุ้มค่าคะ
เป็นสถานที่ทดลองพันธุ์ไม้เมืองหนาวชนิดต่าง ๆ ทั้งไม้ดอกไม้ประดับ และพืชผักผลไม้ ทั้งสาลี่ กีวีฟรุต สตอเบอรี่ ไม้ดอก กุหลาบ เยอบีร่า และอีกมากมาย นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางท่องเที่ยวดอยอ่างขางช่วงหน้าหนาว จุดแรกที่ คำปู้จู้ เข้าชม นั้นก็เป็น เรือนปลูกไม้ดอกไม้ประดับ และ ไม้กระถางต่างๆ .
ที่ เห็นนี้เป็นเพียงภาพส่วนหนึ่ง คำปู้จู้ พอจะเก็บมาฝากกันได้คะ สวยไหมคะ ดอกไม้เต็มเลย
นอกจากสวน ดอกไม้ต่างๆแล้ว ยังมีสวน บอนไซด้วย แต่น่าเสียดาย ที่วันนี้ปิด ทางสถานีเกษตรหลวงนั้น ยังได้จัดเส้นทาง ขี่ฬ่อ ชมธรรมชาติอีกด้วย ท่านใดสนใจก็สามารถ มาเที่ยวได้เลย จากจุดชม ไม้ดอกไม้ประดับแล้ว คำปู้จู้ ก็เริ่มหิวแล้วคะ ต้องหาอะไร รองท้องเสียหน่อย ที่นี่ เค้ามี สโมสร สถานีเกษตรหลวง ด้วยนะคะ แถมเค้ายังว่ากันว่า อาหารที่นี่ ผัก สดมาก ๆ ไหนๆก็ต้องลองไปชิมเสียหย่อยนะคะ เมื่อมาถึง ต้องร้องโอ้โห เลย เพราะ บรรยากาศ น่านั่งจริงๆคะ ยิ่งใกล้เย็นแล้ว อากาศเย็นๆเริ่มเข้ามาแทนที่ บรรยากาศยิ่งดีขึ้นไปอีก
นั่งรับประทานอาหาร อยู่ท่ามกลางหมู่มวลดอกไม้ เยี่ยมจริงๆคะ
ยามค่ำคืนแสงไฟ กำลังดี ได้บรรยากาศมากเลย
หลังจากที่ คำปู้จู้ อิ่มหนำ กับอาหารเลิศรส แล้ว ก็เดินทางเข้าที่พักคะ เพราะ วันนี้ หนาวเสียเหลือเกิน ก็นับว่า ก็นับว่า ดอยอ่างขาง เป็นที่ ซึ่งใครๆ ที่ใฝ่หา ความสงบ ความงามจากธรรมชาติ แล้วไม่ควรพลาดนะคะ วันนี้ คำปู้จู้ขอตัว ลาไปก่อนนะคะ สวัสดีจ้าว