Houaphanh Province
Located: in Northeast of Laos.
Total area: 16,500 square kilometers.
Population: 280,000.
8 Districts: Xamneua, Xiengkhor, Viengthong, Viengxay, Huameuang, Xamtay, Sopbao and Add.
Capital: Xamneua. Houaphanh (or Houa Phan) Province is a mysterious, beautiful and abundant land, bordered by Xieng Khouang and Luang Prabang to the West and Viet Nam to the East. It was the base of the Lao People’s Revolutionary activities and the geographical heart of the liberation struggle. The province has a total population of around 280,000; consisting of many ethnic groups, each with their own lifestyle, customs, folkways in wedding and other ceremonies, festivals, folk dances and songs.
Tham Than Souphanouvong Cave
The former residence and hideout of the revolutionary leader and later the President, Souphanouvong. He established the cave as a base in 1964.
แขวงหัวพัน
แขวงหัวพัน ตั้งอยู่ทิศตะวันออกเฉียงเหนือของ สปป.ลาว เป็นแขวงที่ตั้งฐานของคณะปฏิวัติลาวในสมัยต่อสู้กู้ชาติต้านจักรพรรดิต่างชาติที่เข้ามารุกราน มีเนื้อที่ทั้งหมด 16,500 ตร.กม. มีพลเมืองประมาณ 226,000 คน ประกอบด้วย 6 เมือง เช่น เมืองเวียงไชย, เมืองซำเหนือ, เมืองซำใต้, เมืองเวียงทอง, เมืองหัวเมืองและเมืองเชียงค้อ ประกอบด้วย 3 ชนเผ่าใหญ่ คือ ลาวลุ่ม, ลาวเทิงและลาวสูง มีชนเผ่าเล็กๆ รวม 30 ชนเผ่า มีชายแดนติดกับแขวงเชียงขวาง, แขวงหลวงพระบางและประเทศสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม
เมืองเวียงไชย
เมืองเวียงไชย เป็นดินแดนที่สวยงามและวีระอาจหาญ ทิวทัศน์ธรรมชาติภูผาป่าไม้ที่เขียวขจีและทุ่งนายาวเหยียดทอดไปตามแนวภูผา เป็นสิ่งสวยงามยิ่งนักและยิ่งเป็นที่ตั้งทางประวัติศาสตร์ในการต่อสู้กู้ชาติต้านจักรพรรดิ์ต่างด้าวที่เข้ามารุกรานดินแดนแห่งนี้เดิมมีชื่อว่าทุ่งนาไก่ เนื่องจากในเขตนี้มีไก่ป่ามากมาย ภายหลังสงครามได้ยุติลง ทุ่งนาไก่ได้เปลี่ยนชื่อมาเป็นเมืองเวียงไชย ประกอบด้วย 4 บ้าน ทิศเหนือคือบ้านล่องกู้ ทิศใต้คือบ้านเชียงซื้อและบ้านนาไก่ ใต้ทิศตะวันตกเฉียงเหนือคือบ้านบกและมีบ้านนาไก่เหนืออยู่ใจกลาง ทิศเหนือติดภูแต้ม ทิศใต้ติดภูแค ทิศตะวันตกติดสายภูเขียว ทิศตะวันออกติดสายภูเขียว ทิศตะวันออกติดทางหมายเลข 16 สถานที่แห่งนี้เป็นภูผาหินเต็มไปด้วยถ้ำธรรมชาติรวมถึง 102 ถ้ำ ประกอบด้วยถ้ำสำคัญๆ ดังนี้
ถ้ำท่าประธานสุภานุวงศ์
เดิมเรียกว่า ถ้ำผาปุ่ง (ผาโป่ง) แต่เดิมถ้ำนี้เป็นป่าดงดิบ มีสัตว์ต่างๆ มากมาย เช่น กวาง เก้ง และสัตว์อื่นๆ อาศัยมาก เขตนี้มีโป่งน้ำสัตว์ทั้งหลายใช้อาศัยกินน้ำ ประชาชนจึงเรียกว่าผาปุ่ง (ผาโป่ง) ในต้นปี 1964 ท่านประธานสุภานุวงศ์ได้ย้ายสำนักเข้าอยู่ถ้ำแห่งนี้ ในขั้นแรกก็อาศัยถ้ำธรรมชาติ แต่ต่อมาก็ได้เริ่มปรับปรุงเป็นที่พักอาศัย มีหลายห้องคือ ห้องป้องกัน, ห้องนอน, ห้องประชุม ฯลฯ อยู่นอกถ้ำมีห้องเล็กใช้เป็นห้องอาหารนอกจากนั้น ยังมีเรือนเล็กหนึ่งหลัง ซึ่งปลูกให้ท่านสุภานุวงศ์พักอยู่ภายหลังสงคราม ระหว่างรอการก่อสร้างบ้านพักหลังใหม่สำเร็จ
ถ้ำท่านประธานไกสอน พรมวิหาร
เดิมเรียกว่าผาหย่อน ของเดิมถ้ำนี้มีผึ้งมาก ประชาชนเขตนี้อยากได้แต่ขึ้นไปลำบาก ต้องปีนขึ้นบนผา แล้วเอาเชือกหย่อนลงมาเพื่อเอาผึ้ง จึงเรียกว่าถ้ำหย่อนของถ้ำหย่อนของถ้ำนี้เป็นถ้ำธรรมชาติ 2 ถ้ำติดต่อกันในปี 1964 ท่านประธานไกสอน ได้โยกย้ายเข้ามา ระยะแรกก็ยังไม่ปรับปรุง ต่อมาได้เจาะ 2 ถ้ำทะลุถึงกันมีความยาว 140 เมตร ถ้ำนี้เป็นถ้ำที่สูงกว่าหน้าดินจนได้สร้างบันไดขึ้นไป 32 ชั้น ถ้ำนี้ประกอบด้วยห้องป้องกัน, ห้องรับแขก ศูนย์กลางพรรคและรับแขกต่างประเทศ, ห้องประชุม, ห้องสโมสร ซึ่งเป็นสถานที่เล่นกีฬา และศิลปะต่างๆ โดยเฉพาะท่านประธานไกสอน พรมวิหาร ชอบเล่นกีฬา เช่น ปิงปอง เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีห้องค้นคว้า, ห้องนอน ที่ปากถ้ำมีถ้ำเล็กซึ่งเป็นที่ทำอาหารในเวลาสงคราม ในต้นปี 1973 แล้วจึงได้สร้างเรือนหลังหนึ่งเป็นที่พักของท่านประธานไกสอน พรมวิหาร แต่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ โดยเอาไม้มุงหลังคาชั่วคราวเพื่อรอการสร้างเรือนหลังใหม่ ก่อนการก่อสร้างเสร็จ ท่านประธานไกสอนได้เข้าเวียงจันทน์ก่อน เรือนหลังนี้ต่อมาได้ใช้เก็บเอกสารและพัสดุทางประวัติศาสตร์
ถ้ำท่านคำไต สีพันดอน
เป็นส่วนหนึ่งของถ้ำช้างลอด เดิมไม่ใช่ถ้ำ แต่ได้ใช้เครื่องจักรและแรงคนเจาะเป็นถ้ำให้ท่านคำไตได้พักอาศัย ประกอบด้วยห้องประชุมของนายทหารชั้นสูง ทั้งเป็นห้องรับแขกภายในและต่างประเทศ, ห้องค้นคว้า, ห้องนอน ลงจากถ้ำท่านคำไต สามารถทะลุถึงถ้ำช้างลอด ซึ่งจะมีห้องการเมือง และห้องพลาธิการ ส่วนอีกเส้นทางหนึ่งจะไปทะลุห้องเสนาธิการสูงสุด ซึ่งเป็นเส้นทางที่ยุ่งยาก และเขตนั้นยังรักษาขุมปืนใหญ่ไว้สามขุม ถ้ำช้างลอดเป็นถ้ำธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุด ที่เรียกกันว่าถ้ำช้างลอด มีคนเล่ากันว่าถ้ำนี้เป็นถ้ำใหญ่จนช้างสามารถลอดไปมาได้อย่างสบาย ถ้ำนี้ได้ถูกปรับปรุงเป็นถ้ำสโมสร เป็นสถานที่ร่วมชุมนุมในงานบุญที่สำคัญต่างๆ เป็นที่รับรองแขกชั้นสูงต่างประเทศที่มาเยือน และยังเป็นสถานที่แสดงศิลปะ, กายกรรม และเล่นกีฬาบางประเภท